19 ก.พ. 67 - เยอรมนีแซงญี่ปุ่นขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการของญี่ปุ่นที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี GDP ของญี่ปุ่นในปี 2023 อยู่ที่ 591.48 ล้านล้านเยน (4.21 ล้านล้านดอลลาร์) ซึ่งต่ำกว่าของเยอรมนีที่ 4.46 ล้านล้านดอลลาร์
Nominal GDP หมายถึงมูลค่าของผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดที่ผลิตในหนึ่งปี โดยคำนวณตามราคาตลาดปัจจุบัน เมื่อเปรียบเทียบกับ GDP โดยเหตุผลที่ GDP ของญี่ปุ่นมีมูลค่าลดลงเกิดจากค่าเงินของญี่ปุ่นที่อ่อนค่า โดยอยู่ที่ 140.5 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอ่อนค่ากว่าปีก่อนหน้า และการอ่อนค่าลงอย่างมากของเงินเยนเป็นเหตุผลโดยตรงที่ทำให้ GDP ของญี่ปุ่นถูกเยอรมนีแซงในปี 2566
แต่อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของเงินเยนยังส่งผลดีโดยตรงต่อการท่องเที่ยวขาเข้าและการบริโภคของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในญี่ปุ่น ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่น แม้ว่าจะถูกแซงหน้าโดยเยอรมนี แต่ GDP ของญี่ปุ่นก็เติบโตขึ้น 5.7 เปอร์เซ็นต์ในปี 2566 นับเป็นการเติบโตเชิงบวกเป็นปีที่สามติดต่อกันและเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ร้อยละ 6.5 ในปี 1991 หรือกว่า 30 ปีที่ผ่านมา
เหตุผลที่ลึกซึ้งและยาวนานว่าทำไม GDP ของญี่ปุ่นจึงถูกเยอรมนีแซงหน้าในปี 2023 ก็คือการขาดโมเมนตัมการเติบโตที่มั่นคงในระยะยาวในเศรษฐกิจญี่ปุ่น หลังจากการล่มสลายของเศรษฐกิจฟองสบู่ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และต้นทศวรรษ 1990 เศรษฐกิจญี่ปุ่นติดอยู่ในภาวะตกต่ำในระยะยาว และทำให้ช่องว่างทางเศรษฐกิจกับเยอรมนีแคบลงอย่างต่อเนื่อง
ตามข้อมูลของ IMF GDP ของญี่ปุ่นอยู่ที่ 4.96 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 1997 ในขณะที่เยอรมนีอยู่ที่ 1.95 ล้านล้านดอลลาร์ และภายในปี 2020 ขณะที่เศรษฐกิจของเยอรมนีขยายตัวเป็น 3.88 ล้านล้านดอลลาร์ แต่เศรษฐกิจญี่ปุ่นกลับเติบโตเพียงเล็กน้อยเป็น 5.51 ล้านล้านดอลลาร์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ขนาดของเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในช่วงสองหรือสามทศวรรษนับตั้งแต่เศรษฐกิจฟองสบู่ของญี่ปุ่นแตก ในทางกลับกัน เศรษฐกิจของเยอรมนีมีการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญและขณะนี้แซงหน้าญี่ปุ่นไปแล้ว
การล่มสลายของเศรษฐกิจฟองสบู่ในช่วงแรกเกิดจากปัญหาอสังหา และการลงทุนในตลาดหุ้น เศรษฐกิจฟองสบู่ของญี่ปุ่นยังเป้นตัวฉุดรั้งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นจึงพยายามดิ้นรนหาตัวขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงในระยะยาว ความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นอ่อนแอลง และปัญหาต่าง ๆ เช่น ประชากรสูงวัยและอัตราการเกิดที่ลดลงก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น อิทธิพลของญี่ปุ่นในภาคยานยนต์ซึ่งแต่เดิมเคยครองตำแหน่งที่โดดเด่นก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน และล้มเหลวในการคว้าโอกาสที่จะเป็นผู้นำในเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ส่งผลให้สูญเสียสถานะในฐานะผู้ส่งออกยานยนต์ที่มากที่สุดในโลกในปี 2566 การหาตัวขับเคลื่อนที่มากกว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อให้ญี่ปุ่นกลับไปสู่ต้นยุคทศวรรษที่ 70 อีกครั้ง จึงเป็นปัญหาใหญ่ของทุกรัฐบาลญี่ปุ่นต้องหาทางแก้ปัญหา ไม่อย่างนั้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจจะถูกแซงเรื่อย ๆ จนมีสถานะถูกประเทศต่าง ๆ แซงๆ ไปเรื่อย ๆ
สำหรับขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 คือ สหรัฐอเมริกา อันดับ 2 คือสาธารณรัฐประชาชนจีน และ อันดับสามในปัจจุบันคือเยอรมนี
บทความจาก China Daily Lack of drivers drops Japan down to fourth