5 ต.ค.65 - “หมอมนูญ” เตือนนักท่องเที่ยวสายเดินป่า ระวังอย่าเสี่ยงมุดโพรงต้นไม้ที่มีค้างคาวอาศัย เสี่ยงป่วยโรคปอด จากเชื้อราในมูลค้างคาว
นายแพทย์ มนูญ ลีเชวงวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้โพสต์ข้อมูลด้านการแพทย์เตือนนักท่องเที่ยวสายเดินป่า ผ่าน “เพจหมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” ถึงอันตรายจากการมุดโพรงไปชมค้างคาวในโพรงต้นไม้ใหญ่ ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยรายหนึ่งมีอาการป่วยและมารักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยระบุว่า
•
“ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า การเดินเข้าไปในโพรงต้นไม้ใหญ่ในป่า เพื่อชมค้างคาวในเวลาเพียง 2-15 นาที จะหายใจสปอร์ของเชื้อราฮิสโตพลาสมา แคปซูลาตุม (Histoplasma capsulatum) ลอยขึ้นมาในอากาศจากมูลค้างคาวที่ตกลงบนพื้นดิน เข้าไปในปอด ทำให้ป่วยเป็นโรคฮิสโตพลาสโมซิส (Histoplasmosis)
โดยเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2565 มีคณะเดินทางศึกษาธรรมชาติเข้าไปในโพรงต้นไม้ เท่าที่ทราบ 7 ใน 10 คนของคณะนี้ 2-3 สัปดาห์หลังเข้าโพรงต้นไม้
- บางคนเริ่มป่วย ไอ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
- เบื่อหาร น้ำหนักลด
- เอ็กซเรย์ปอด 7 คน มีจุดขนาดแตกต่างกันกระจายทั่วปอด
- ไล่ตั้งแต่คนมีจุดเล็กที่สุดในปอดขนาด 3 มิลลิเมตร ไปถึงคนที่มีลักษณะเป็นก้อนขนาด 1 เซ็นติเมตรกระจายทั่วปอด
- คนที่มีก้อนในปอด พิสูจน์แล้วว่าเป็นโรคฮิสโตพลาสโมซิส ด้วยการตัดชิ้นเนื้อจากปอด พบเชื้อราHistoplasma capsulatum เจริญเติบโตแบ่งตัวในปอด
สำหรับ ต้นไม้ที่มีโพรงนี้ชื่อไทย “ช้าม่วง” เป็นต้นไม้กลุ่มวงศ์ยาง อายุกว่า 100 ปี เป็นที่พักอาศัยของ ”ค้างคาวแวมไพร์แปลงเล็ก” (Lesser false vampire bat) บริเวณที่ค้างคาวอยู่สูงถึง 5 เมตรจากพื้น ค้างคาวชนิดนี้อาศัยในถ้ำและโพรงต้นไม้
ทั้งนี้หมอมนูญ ได้แนะนำให้ติดป้ายเตือนที่หน้าโพรงต้นไม้ต้นนี้ “อันตราย ห้ามเข้าในโพรงต้นไม้ อาจติดเชื้อราจากมูลค้างคาว” และใครที่เคยเข้าไปในโพรงต้นไม้ต้นนี้ โดยไม่ใส่หน้ากากอนามัย
- ควรไปหาแพทย์ ขอทำเอ็กซเรย์ปอด และแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยว่า ตัวเองอาจติดเชื้อราที่ก่อโรคฮิสโตพลาสโมซิส
- คนที่อายุน้อยสุขภาพแข็งแรง ถึงติดเชื้อรา ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ หายเองได้ ไม่ต้องรักษา
- คนที่อายุมากมีโรคประจำตัว ต้องรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อรา
“โรคฮิสโตพลาสโมซิส (Histoplasmosis) เป็นโรคที่เกิดจากการหายใจสปอร์ของเชื้อราฮิสโตพลาสมา แคปซูลาตุม(Histoplasma capsulatum) จากมูลค้างคาวหรือนก เข้าปอด และบางคนอาจกระจายไปอวัยวะต่างๆเช่น ตับ ม้ามต่อมน้ำเหลือง ไขกระดูก ต่อมหมวกไต สมอง เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อย”