13 ม.ค.68 – ของดีรุ่นพ่อ ของฝากขึ้นชื่อถึงรุ่นลูก ราชา “มะขามหวาน” ซิกเนเจอร์ของฝาก “เพชรบูรณ์”
หนาวสั่นแบบนี้ไปยาวๆ อีกหน่อยนะพี่ลมหนาว ก็นานๆ ทีที่เมืองไทยจะหนาวยาวๆ สะใจแบบนี้ใช่มั้ยละ ยิ่งกับจังหวัดโซนเหนือของไทย ยิ่งฉ่ำใจกับอากาศเย็นๆ แบบนี้กำไรนักท่องเที่ยวสุดๆ หนึ่งในนั่นที่ยอดฮิตติดลมก็ต้องเป็นเขาค้อ เมืองเพชรบูรณ์ ที่อากาศดีทั้งปีอยู่แล้ว ยิ่งดีเข้าไปอีก จะมารับลมเย็นๆ อากาศหนาวๆ นั่งเฝ้ารอชมทะเลหมอก หรือจะตะลุยทุ่งดอกไม้ที่เบ่งบานตามเนินเขา คลอเคล้ากับฝูงแกะน่ารักๆ ช่วยเติมรักเติมพลังชีวิตได้อย่างเต็มเปี่ยมเลยแหละ
•
แต่ว่าๆ มาเที่ยวแล้ว ก่อนกลับก็ต้องมีของฝากติดไม้ติดมือกันบ้าง จะว่าไปที่เพชรบูรณ์ ของฝากที่ขึ้นชื่อมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ยาวมาจนถึงรุ่นลูก “มะขามหวาน” นั่นเอง ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าว่ามะขามหวานของเพชรบูรณ์มันอร่อยจนหยุดไม่ได้เลย “เนื้อเยอะ รสหวานกำลังดี บางสายพันธุ์มีเปรี้ยวติดหน่อยๆ” รวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน
•
จากข้อมูลของ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ เริ่มจากมะขามหวานพันธุ์ประกายทอง หรืออีกชื่อ “พันธุ์ตาแป๊ะ” เป็นมะขามหวานที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความหวาน ฝักตรง โดยพันธุ์ตาแป๊ะ ต้นแรกถือกำเนิดขึ้นในพื้นที่บ้านโป่งตาเบ้า ต.ชนแดน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ โดยมี นายเจียง แซ่เฮง เป็นเจ้าของพันธุ์ โดยมะขามหวานพันธ์ นี้ สร้างชื่อเสียงครั้งแรก เมื่อ ปี 2533 มีรสชาติหวานโดดเด่นกว่าสายพันธุ์อื่นซึ่งจุดกำเนิดเกิดของมะขามหวานรสชาติแจ่มจันทร์นี้ จะว่าบังเอิญก็ได้ โดยแรกเริ่ม “แป๊ะเจียง” ได้นำเมล็ดพันธุ์มะขามหวานจากเพื่อนบ้านมาปลูก โดยไม่รู้ชื่อที่พันธุ์ โดยเพาะเมล็ดใส่ปี๊บ และนำไปปลูกในพื้นที่ตนเอง 5 ปีผ่านไป ต้นมะขามหวานก็เริ่มออกฟักแต่กลับมีรสชาติเปรี้ยวนำเกินไป แป๊ะเจียง จึงจ้างรถไถมาปรับพื้นที่ และทำการตัดต้นมะขามทั้งหมดออก เปลี่ยนเป็นนาข้าว แต่มีอยู่ต้นหนึ่งที่เหลืออยู่รถไถดันมาเสียโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงเหลือต้นมะขามนี้ไว้อยู่ ซึ่งในปีนั้นเองต้นมะขามต้นนี้ออกผลผลิตมะขามเต็มต้น ลองชิมดูปรากฎว่ามะขามมีรสชาติ หวานละมุน ฝักใหญ่ เนื้อแน่นอีกต่างหาก จึงปลูกเรื่อยมา และขยายพันธุ์ปลุกในสวนของตัวเองเพิ่มเติม จนปี 2534 ได้นำฝักมะขามหวานเข้าประกวดในงานกาชาดมะขามหวานนครบาลเพชรบูรณ์ ตั้งชื่อว่า กลายทอง แต่กรรมการขอให้เปลี่ยนชื่อเป็น ประกายทอง ซึ่งความโดดเด่นนี้ทำให้มะขามหวาน “แป๊ะเจียง” ได้รับรางวัลที่ 1 ในปีนั้นนั่นเอง
สำหรับมะขามหวานพันธุ์ประกายทอง นั้นจัดเป็นมะขามหวานสายพันธุ์เบา ลักษณะลำต้นผิวเปลือกออกสีน้ำตาล ผิวหยาบ ใบหนา เข้ม ปลายใบตัดหยัก ลักษณะฝักมีขนาดยาวใหญ่ค่อนข้างตรง กลม เปลือกฝักบาง ผิวเรียบเป็นสีน้ำตาล ในขณะที่สีเนื้อเป็นสีน้ำผึ้งออกทรายแดง และเนื้อหนาตกทราย รสหอมหวาน รกหุ้มเนื้อน้อย เมล็ดเล็ก มีช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม โดยมะขามหวานเป็นพืชเศรษฐกิจ ของ จ.เพชรบูรณ์ สร้างรายได้ ให้กับเกษตรกร มากกว่า 800 ล้านบาท สำหรับมะขามหวาน ที่เกษตรกรจะนิยมปลูกกันมาก คือ พันธุ์ประกายทอง(ตาแป๊ะ), ศรีชมภู ,สีทอง ,ขันตี ,อินทผาลัม เป็นต้น ซึ่งมีความอร่อยแตกต่างกันไปตามลักษณะของสายพันธุ์
เทคนิคการเลือกซื้อ “มะขามหวาน”
** ควรเลือกฝักมะขามหวานที่สมบูรณ์ สด ใหม่ เปลือกไม่แตก ไม่มีรูเจาะของแมลง ไม่เป็นเชื้อรา
ประโยชน์ของมะขามหวาน
**มะขาวหวานมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายประเภทจึงสามารถช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคได้ดี
**มะขามหวานมีวิตามินซีสูงจึงสามารถช่วยบำรุงผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่งชะลอการแก่กว่าวัยและลดรอยเหี่ยวย่นได้
**มะขามหวานมีธาตุเหล็กสูงสามารถช่วยบำรุงและสร้างเม็ดเลือดได้ดี
**ส่วนใบและผลดิบสามารถใช้เป็นยาระบายและเป็นยาขับพยาธิ แก้หวัด ลดอาการอักเสบ มีสารต้านมะเร็ง ช่วยลดไขมันในเลือดได้
**ผลสุกสารมารถเป็นป้องกันโรคเบาหวาน มีสารช่วยละลายเสมหะ บำรุงร่างกายมีสารอาหารมากมาย
**เมล็ดสามารถนำมาแปลรูปเป็นอาหารทานเล่นได้และเป็นยาช่วยรักษาอากาท้องเสีย ขับพยาธิได้ แต่ไม่ควรรับประทานเยอะเพราะจะทำให้เกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้
**รากต้มเป็นน้ำดื่มช่วยขับพยาธิ เป็นยาช่วยขับปัสสาวะช่วยรักษาโรคผิวหนังได้ดี