ความเป็นไปของการเมืองไทย ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการปฏิวัติ พ.ศ.2557 โดยแกนนำคือ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2562 ที่สุดท้ายแล้วได้รัฐนาวา พรรคพลังประชารัฐ และพลังของพี่น้อง 3ป. นำโดย พลเอกประยุทธ์ ,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ฟันฝ่าคลื่นลมอุปสรรค กำลังจะมาสู่การเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2566 (ถ้ามี)
ก่อนการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น มีความเปลี่ยนแปลงกับสายสัมพันธ์พี่น้อง 3 ป.อีกครั้ง ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่อยากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เมื่อพลเอกประยุทธ์ เข้าสู่สังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะที่พลเอกประวิตร ยังคงเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหลายฝ่ายตั้งคำถามถึงสายสัมพันธ์พี่น้อง 3 ป.ที่มั่นคงเหนียวแน่น มีความเปลี่ยนแปลงไปแล้วจริงหรือไม่ เมื่อดูจากท่าทีและท่วงทำนองที่แสดงออกมา ต่างคนต่างแยกกันขับเคลื่อนทางการเมืองอย่างเด่นชัด
เห็นพลเอกประยุทธ์ใส่เสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติ ก่อนที่จะยุบสภายังออกตรวจราชการทั่วประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรี มีพลเอกอนุพงษ์และรัฐมนตรีเดินเคียงข้าง ขณะที่ ลุงป้อม พลเอกประวิตร เดินหน้าหาเสียงกับพรรคพลังประชารัฐ ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า หลังการเลือกตั้ง (ถ้ามี) เส้นทางทางการเมืองของ 3 ป. จะเป็นอย่างไร
ก่อนจะมองไปข้างหน้า ย้อนมองอดีตของ 3ป. ที่มีความรักความผูกพันกันมาอย่างยาวนาน ภาพของสามพี่น้องกลับคืนมาพล.อ.อนุพงษ์ เคยเล่าให้นักข่าวสายทหารว่า เราเหมือนพี่น้องท้องเดียวกัน ร่วมเป็นร่วมตายกันมา ใครก็ทำลายไม่ได้ แม้มีคนเสี้ยมให้แตกกัน...ผมรักกัน 3 คน ผมร่วมเป็นร่วมตายกันมา ทั้งชายแดน ท่ามกลางสนามรบ ผมก็เคยอยู่ร่วมกัน
ความผูกพันของทั้งสามเกิดขึ้นที่ "บ้านทหารเสือ" คือ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) ค่ายนวมินทราชินี ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ในปี 2519 ร.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (ยศขณะนั้น) พี่ใหญ่เป็นนายทหารยุทธการ ประจำกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 พัน 2 รอ.) มีบ้านพักนายทหารอยู่ภายในซอย 7 ของ ร.21 พัน 2 รอ. มีนายทหารรุ่นน้องอีก 3 คน อยู่ร่วมบ้านด้วยคือ ร.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ ร.ต.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และอีกคนคือ พล.อ.พงษ์เทพกนิษฐานนท์
ความผูกพันของทั้ง 3ป. ยังเกื้อหนุนกันในการทำงานด้วยกัน ร่วมรบด้วยกัน เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาด้วยกัน จนปลายปี 2551 พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.อนุพงษ์ มีส่วนสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตรเป็นรัฐมนตรีกลาโหม โดยวางตัวพล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก พลเอกอนุพงษ์ ด้วยความเป็น "ทหารการเมือง" ที่มีคอนเนกชั่นกับแกนนำหลายพรรค พลเอกประวิตร ประคอง พลเอกประยุทธ์ให้เป็น ผบ.ทบ.สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และเมื่อมีกระแสการเปลี่ยนแปลงนำไปสู่การปฏิวัติ 2557 พลเอกประยุทธ์ จึงถูกวางตัวเป็นนายกรัฐมนตรี และก้าวเข้าสู่การเลือกตั้ง ปี2562 ด้วยแกนนำอย่างพรรคพลังประชารัฐที่มีพลเอกประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค ยังคงมีพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ทั้งหมดยืนยันถึงความแนบแน่นของ พี่น้อง 3ป. ที่ลึกล้ำเกินกว่าคำว่าพี่น้องธรรมดาสามัญ
ภาพของการแยกกันทำงานการเมือง ทำให้คอการเมืองส่วนหนึ่งคิดว่า นี่คือทางสามแพร่งของทั้ง 3ป.หรือไม่ เส้นทางต่อไปของ 3 ป.จะเป็นอย่างไร ทางสามแพร่งของสามป.เป็นการแยกกันตลอดกาล หรือเป็นการแยกกันเดิน ร่วมกันตี ไปสู่จุดหมายเดียวกัน
รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้ความเห็นถึงรัฐบาลหลังการเลือกตั้งว่า ยังไงก็ตามโครงสร้างอำนาจของ 3ป. ยังคงมีอยู่เช่นเดิม ไม่ว่าคนจะมองว่า 3ป.มีความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม คิดว่าหลังการเลือกตั้ง ทั้ง 3ป. จะกลับมาสืบทอดอำนาจได้ต่อไป ทั้ง 3ป. ได้จัดวางยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์ที่ลงตัว ไว้แล้ว คนอาจจะมองว่าหลังการเลือกตั้งพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตรจะแยกเสียงสว.ออกเป็น 2 ฝ่ายทั้งพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น และต้องไม่ลืมว่าสว.ส่วนใหญ่คือขั้วอนุรักษ์นิยม ดังนั้นโอกาสเกิดการเทเสียงย่อมเกิดขึ้นได้ แม้หลังการเลือกตั้ง 3ป.จะต่อสู้แข่งขันกัน แต่สุดท้าย 3ป. จะเดินกันไปได้อยู่ดีเพราะมีการวางอำนาจกันอย่างลงตัว
"การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีความรุนแรง โดยไม่ได้เกิดจากการซื้อเสียงอย่างเดียว นอกจากการต่อสู้แข่งขันอย่างเข้มข้นจะมีการใช้อำนาจในระบบและนอกระบบเข้ามากันอย่างเต็มที่ รวมถึงการแบ่งขั้วทางการเมืองโดยอารมณ์ความรู้่สึกที่มีความชอบ ไม่ชอบ ความรัก อารมณ์ ความเกลียดชังเข้ามาร่วมกัน "
รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวอีกว่า โอกาสที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะเป็นคนเดิมก็มีความความเป็นไปได้นะจ๊ะ การบ้านของพรรครวมไทยสร้างชาติคือ การต้องได้คะแนนเสียงอย่างน้อย 25 ที่นั่ง เพื่อเสนอแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีได้ เสร็จแล้วจึงจะไปแสวงหาแนวร่วมทางการเมืองเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โอกาสจัดตั้งรัฐบาลที่มีพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีมีโอกาสเป็นไปได้แม้คะแนนนิยมจะไม่เหมือนปี 2562ก็ตาม อย่างไรก็ดีหากจัดตั้งรัฐบาลได้ จะได้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำคล้ายกับปี 2562 เราจะยังคงเป็น ปรากฏการณ์ งูเห่า แจกกล้วยเกิดขึ้นอีก รวมถึงการยุบพรรค ย้ายพรรคที่เคยเกิดขึ้น โอกาสที่เราจะเห็นอีกก็เป็นไปได้
ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ทางส่มแพร่งมองก็คงเป็นทางแยก ทางสามแพร่ง อาจจะเป็นแค่ทาง แบ่งกำลัง กระจายความเสี่ยง เบี่ยงเบนกำลัง เป้าหมาย เดียวกัน แยกกันเดินรวมกันตี คำถาม (อีกแล้ว)คือ ยุทธศาสตร์ จริงๆ คืออะไร ผู้ช่ำชองทางการมอง ที่การเมือง บอกว่า กลยุทธ์การเอาชนะเลือกตั้ง ไม่ได้มีแค่ทำให้คนเลือกตัวเองมากขึ้น แต่ยังเอาชนะได้ด้วยการทำให้อีกฝ่ายได้คะแนนเสียงน้อยลง วิธีหนึ่งที่ทำกันคือ ชวนให้คนที่น่าจะเลือกฝั่งตรงข้ามไม่อยากออกไปเลือกตั้งการเมืองหลังจากนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ สิ่งที่ไม่เคยมีก็จะมี สิ่งที่ไม่เคยเห็นจะได้ดู