X
แกร็บสาวสู้ชีวิต ลูกสาวกตัญญู-แม่เลี้ยงเดี่ยวสุดสตรอง

แกร็บสาวสู้ชีวิต ลูกสาวกตัญญู-แม่เลี้ยงเดี่ยวสุดสตรอง

11 ส.ค. 2565
310 views
ขนาดตัวอักษร

เนื่องในโอกาสวันแม่ปีนี้  ขอพาไปดูมุมมองความรักที่มีต่อความเป็นแม่ของ 2 แกร็บสาว คนหนึ่งเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยอมลำบากทำทุกอย่างเพื่อส่งเสียให้ลูกๆ มีอนาคตที่สดใส อีกคนเป็นลูกกตัญญูที่ไม่เคยหยุดทำงานเพื่อหาเลี้ยงแม่ผู้พิการ


คุณแม่นักสู้ ทำงานปลดหนี้เพื่อ “อนาคตที่ดีของลูก”


คุณหมอน-ศรีสมร เจริญสุข คุณแม่ลูกสองวัย 57 ปีจากเชียงราย เล่าให้ฟังถึงชีวิตของการเป็นแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพังตั้งแต่ลูกสาวคนเล็กอายุได้เพียง 3 ขวบ ว่าแต่ก่อนหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการทำขนมไทยขาย แต่ด้วยภาระค่าใช้จ่ายที่มากมายทำให้ต้องไปกู้เงินนอกระบบมาเพื่อใช้หมุนเวียนในครอบครัวจนกลายเป็นหนี้ก้อนโต รายได้ในแต่ละวันที่หามาได้กลายเป็นเงินที่พอใช้อยู่รอดไปวันๆ จนเมื่อเกิดวิกฤตโควิด ชีวิตของคุณหมอนถึงจุดพลิกผัน เมื่อรายได้จากขายขนมเริ่มไม่เพียงพอ และลูกสาวคนเล็กกำลังจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก 


“ในวันที่ลูกสาวบอกว่าสอบติดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในสาขาวิชาแอนนิเมชันและวิชวลเอฟเฟกต์ ทั้งปลื้มใจและภูมิใจในตัวเขามาก  แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเครียดและกดดัน เพราะรู้ว่าสิ่งที่ตามมาคือค่าใช้จ่ายจำนวนมาก แม้ว่าตอนนั้นลูกสาวจะกู้ กยศ. อยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายทั้งหมด ในฐานะคนเป็นแม่เราจะยอมแพ้ไม่ได้เพราะอนาคตของลูกคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ตอนนั้นรู้สึกมืดแปดด้านมาก เพราะรายได้จากการขายขนมเริ่มจะไม่พอ จนวันหนึ่งมองไปบนถนนเห็นคนขับแกร็บขับส่งอาหาร เลยคิดว่าเราน่าจะขับได้นะ จึงตัดสินใจลองมาขับแกร็บหารายได้เสริมดู”


เมื่อเริ่มขับแกร็บไปสักพักคุณหมอนเริ่มเห็นว่ารายได้จากการขับแกร็บดีกว่าการขายขนม จึงตัดสินใจมาขับแกร็บเต็มตัว ด้วยรายได้และสิทธิประโยชน์ด้านสินเชื่อของแกร็บ ทำให้คุณหมอนสามารถปลดหนี้นอกระบบได้ในที่สุด มีเงินส่งเสียลูกสาว มีเงินเก็บที่ไม่เคยมีมาก่อน และที่สำคัญคือมีเวลาให้กับลูกสาวของเธอมากขึ้น 


“อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าลูกสาวจะเรียนจบแล้ว ในฐานะแม่ การได้สนับสนุนให้ลูกสามารถเดินตามเส้นทางที่เขาเลือกและได้ทำในสิ่งที่เขามีความสุขถือเป็นความสำเร็จที่เราภาคภูมิใจที่สุด  การขับแกร็บทำให้วันนี้เราไม่ต้องลำบากเหมือนแต่ก่อน จากที่เป็นหนี้นอกระบบมาตลอด วันนี้เรามีเงินและเวลามากพอที่จะพาลูกไปเที่ยว และกินอาหารอร่อยๆ นี่เป็นความสุขที่หาอะไรมาทดแทนไม่ได้เลยจริงๆ” คุณหมอนกล่าวทิ้งท้าย 


“รอยยิ้มของแม่” คือความสุขที่หาสิ่งใดแทนไม่ได้


คุณอ๋อย-สุจิตรา ปราชญ์เปรื่อง ลูกสาวกตัญญูวัย 39 ปีที่ใช้ชีวิตอยู่กับแม่อายุ 80 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยจิตเวชและมีความพิการทางขา เล่าถึงชีวิตวัยเด็กของเธอให้ฟังว่า ตั้งแต่จำความได้แม่ก็ป่วยเป็นโรคทางจิตเวชมาตลอด แต่ก่อนพ่อจะเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนเธอมีหน้าที่ดูแลแม่ในช่วงก่อนและหลังเลิกเรียน จนเมื่อคุณพ่อจากไปตอนเธออยู่ ม.5 เธอจึงกัดฟันสู้เรียนให้จบ ม.6 และตัดสินใจไม่เรียนต่อเพื่อทำงานหาเงินมาดูแลคุณแม่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชีวิตของสองแม่ลูกดำเนินมาอย่างเป็นปกติจนเมื่อสามปีที่แล้ว คุณแม่ของคุณอ๋อยหกล้มจนกระดูกหัก แม้จะได้รับการผ่าตัดแล้วแต่ด้วยภาวะกระดูกพรุนจึงไม่สามารถเดินได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 


“ก่อนที่คุณแม่จะเดินไม่ได้ แม้ว่าจะมีอาการป่วยทางจิตเวชแต่แม่ก็ช่วยเหลือตัวเองได้ ยังกินข้าวเองได้ ทำงานบ้านต่างๆ ได้ แม่ชอบซักผ้าให้เราด้วยนะ แต่พอแม่เดินไม่ได้ เราเลยต้องมองหาอาชีพใหม่ที่ทำให้มีเวลาดูแลแม่ได้มากขึ้น จริงๆ เราได้ลองทำมาหลายอาชีพแล้วนะ แต่ไม่มีอาชีพไหนที่มีความยืดหยุ่นเรื่องเวลามากเท่ากับการขับแกร็บ เพราะอาการของแม่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เราเลยต้องการงานที่สามารถจัดสรรเวลาได้เอง และแกร็บตอบโจทย์ในเรื่องนี้ คงไม่มีอาชีพไหนที่ทำให้เราได้กลับมากินข้าวที่บ้านกับแม่ในทุกๆ วันเหมือนการขับแกร็บอีกแล้ว”


คุณอ๋อย เล่าวว่า การเติบโตมากับคุณแม่ที่ไม่เหมือนคนอื่นได้หล่อหลอมให้เป็นคนคิดบวกเพื่อที่จะก้าวผ่านสายตาและคำนินทาของคนอื่นไปได้ ซึ่งพลังใจสำคัญของเธอก็คือคุณแม่ของนั่นเอง  ซึ่งอาการที่แม่เป็นคือการพูดคนเดียว บางครั้งควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ก็จะอาละวาด แม่อาจจะน่ารักบ้างไม่น่ารักบ้างในบางวัน บางทีเราเองต้องลุ้นว่าวันนี้เราจะเจอกับแม่เวอร์ชั่นไหน ฟังแล้วดูเหมือนเราดูแลเขาเยอะ แต่บางทีแม่ก็เป็นคนดูแลเราเหมือนกัน ทุกวันนี้แม่ก็ยังชอบทำงานบ้านอยู่ และมีประโยคนึงที่เเม่เคยพูดให้กำลังใจในวันที่เรามีปัญหาชีวิตเมื่อสิบปีที่แล้วว่า “ไม่เป็นไรลูก เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ” อาจจะดูเหมือนเป็นประโยคธรรมดาๆ แต่สำหรับคนที่ป่วยทางจิต การที่เขาจะคิดอะไรแบบมีตรรกะเป็นสิ่งที่ยากมาก  มันจึงเป็นประโยคที่เราจำไว้ใช้เตือนใจตัวเองจนทุกวันนี้


เรื่องราวของสองชีวิตที่แม้จะมีบทบาทต่างกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการที่ทั้งคู่มีพลังใจล้นเหลือที่ไม่ยอมแพ้ให้กับบททดสอบใดๆ ของชีวิต และการตามหาความสุขในแบบฉบับของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นความสุขของคนเป็นแม่ในการเลี้ยงดูลูกให้เติบโตมาเป็นคนดีในสังคม และได้เดินตามความฝันของตนเอง หรือความสุขของคนเป็นลูกที่อยากมีเวลามากขึ้นเพื่อดูแลและตอบแทนแม่ให้ดีสุดความสามารถ วันแม่ปีนี้ ขอส่งกำลังใจให้คุณแม่และคุณลูกทุกคนที่กำลังเจอกับบททดสอบในชีวิตให้ก้าวผ่านไปให้ได้ ขอเพียงมีกำลังใจและอย่ายอมแพ้


Terms of Service © 2018 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล