9 พ.ค.65 – กระทรวงสาธารณสุข เตือนดัง ๆ อย่าเชื่อลัทธิแปลกให้กินสิ่งปฏิกูล บอกกันตรง ๆ ที่กินเข้าไปมีแต่เชื้อโรค รักษาอาการป่วยไม่ได้
ลัทธิแปลก ๆ นั้นก็ยังมีอยู่ในโลก แต่แบบนี้ก็แปลกเกินไป เมื่อมีการอวดอ้างตนเป็นเจ้าสำนัก เจ้าลัทธิ ตั้งตนเป็นพระบิดา อ้างว่ามีวิชาความรู้สามารถช่วยรักษาอาการของโรคต่าง ๆ ได้ จนมีสาวกหลงเชื่อจำนวนมากเข้า
•
เรื่องนี้รู้ถึงหมอปลาไม่รอช้า ประสานภาครัฐเข้าตรวจสอบ ลัทธิแปลก สุดเพี้ยน! โดยหมอปลา ไปพร้อมกับ นายไกรสร กอองฉลาด ผู้ว่าราชจังหวัดชัยภูมิ นำเจ้าหน้าที่ปกครอง ตำรวจบุกสำนักฯฤษีตั้งอยู่ในที่ดินสาธารณะหมู่บ้านกุดแคน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ พบว่าเปิดรับรักษาโรคทุกชนิด รักษาโดยการให้ผู้ป่วยกินสิ่งปฏิกูลจากร่างกายมนุษย์ เช่น ปัสสาวะ อุจจาระ เสมหะ และขี่ไคล รวมถึงยาที่ดองไว้นับ 100 โอ่งมังกรให้กินเป็นยารักษาโรคต่าง ๆ ให้กับสาวกที่เชื่อ นอกจากนี้ยังพบร่างผู้เสียชีวิตอยู่ในโลงศพ 11ราย ที่อ้างว่ารอส่งขึ้นสวรรค์
•
เจ้าลัทธินี้ ชื่อว่านายทวี หนันรา อายุ 75ปี อ้างตัว เป็นเจ้าสำนักฯ ถูกแจ้งข้อหาบุกรุกที่สาธารณะ โดยร่างศพผู้เสียชีวิตทั้ง 11 ราย อยู่ระหว่างการรอการตรวจพิสูจน์ อย่างละเอียด
•
ทั้งนี้ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีลัทธิประหลาด กินปัสสาวะ - อุจจาระรักษาโรค ว่า เรื่องนี้ตอบในหลักวิทยาศาสตร์ว่า “ปกติในอุจจาระปัสสาวะร่างกายของคนเรา เป็นของเสียที่ถูกขับออกมา ในอุจจาระ มีเชื้อโรค แบคทีเรีย มีพยาธิ เชื้อรา แม้ปัสสาวะจะผ่านการกรองจากร่างกาย แต่ก็ไม่สมควรรับประทานอยู่ดี”
ปกติคนที่มีโรค หรือ มีการติดเชื้อทางเดินทางอาหาร การรับประทานอุจจาระก็สามารถได้รับเชื้อโรคจากอุจจาระได้อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่รับประทานทั้งอุจจาระ และ ปัสสาวะ เสมหะ หรือ หนอง เข้าไปแล้วหากรู้สึกผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจ ยืนยันสิ่งปฏิกูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่สมควรบริโภค
•
ด้าน นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การกินอุจจาระ ปัสสาวะ เช่นนี้เป็นความเชื่อที่ขาดหลักเหตุผล เข้าข่ายงมงาย
สาเหตุเกิดจากคนมี 3 ภาวะที่เป็นสาเหตุ
- มีความทุกข์มาก
- วัฒนธรรมความเชื่อเฉพาะถิ่น มีไสยศาสตร์มาเกี่ยวข้อง
- อิทธิพลจากเพื่อนหรือคนรอบข้างเป็นแรงเสริม
ถือว่าเป็นความเชื่อที่เป็นความงมงายที่รุนแรง ยิ่งมีการรวมกลุ่มกัน ยิ่งเป็นการเสริมความเชื่อซึ่งกันและกัน ให้เกิดการสนับสนุนความเชื่อซึ่งกันและกัน ต้องมีการสลายกลุ่ม โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องเข้ามาช่วยเหลือดูแล มาบำบัดรักษา