2 ก.ค.68 - เครือข่ายต้านกาสิโนฯ เรียกร้องถอนร่าง พ.ร.บ. Entertainment Complex และพนันออนไลน์ ย้ำกาสิโนและพนันออนไลน์ ต้องถอนไม่ใช่แค่ถอย”
ภาคีเครือข่ายต้านภัยกาสิโนและพนันออนไลน์ จำนวนกว่า 100 คน เดินทางยังทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) และร่างแก้ไขพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 เรื่องพนันออนไลน์ ออกจากกระบวนการทางกฎหมายอย่างถาวร
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันในฐานะผู้ประสานงานเครือข่าย กล่าวว่า รัฐบาลเองยอมรับว่าประชาชนยังไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ขณะที่ประเทศมีปัญหาเร่งด่วนอื่นๆ มากมาย ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง ปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงไม่เห็นความจำเป็นที่รัฐบาลต้องเร่งผลักดันร่างกฎหมายนี้ ซึ่งอาจกลายเป็นฟืนไฟที่จุดความขัดแย้งในสังคม หนทางที่ดีที่สุดคือรัฐบาลถอนเรื่องนี้ออกจากกระบวนการรัฐสภา” เครือข่ายภาคประชาชนอันประกอบด้วย เครือข่ายเด็กและเยาวชน เครือข่ายครอบครัว เครือข่ายพ่อแม่ผู้ปกครอง เครือข่ายชุมชน เครือข่ายแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข เครือข่ายศาสนา เครือข่ายครูอาจารย์และนักวิชาการ เครือข่ายนักกฎหมาย เครือข่ายสื่อสารมวลชน และเครือข่ายภาคประชาสังคม จึงเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและร่างแก้ไขพระราชบัญญัติการพนันที่รัฐบาลเสนอ ไม่อาจเดินหน้าไปต่อบนความเสี่ยงต่อความไม่เข้าใจและความไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนส่วนใหญ่ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลถอนร่างกฎหมายทั้งสองฉบับออกจากกระบวนการทางรัฐสภา เพื่อความสงบสุขในสังคมและเพื่อความสง่างามในทางนโยบาย เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบวงกว้าง พรรคเพื่อไทยควรเสนอเรื่องนี้เป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้าให้ประชาชนตัดสินเพื่อความชอบธรรม
ดร.วศิน พิพัฒนฉัตร เครือข่ายนักสาธารณสุขจัดการปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ และทีมทนายจากเพจที่ปรึกษากฎหมายของชาวบ้าน กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ออกไปจากการพิจารณาของรัฐสภา เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีปัญหาเรื่องโครงสร้างการบริหารและการบังคับใช้กฎหมายที่มีลักษณะเป็นการรวมศูนย์ คือมีคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร มีคณะกรรมการบริหาร และสำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร โดยไม่มีองค์ประกอบขององค์กรที่จะมาทำหน้าที่รับผิดชอบต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแก่สังคม หรือแม้แต่การจัดสรรกองทุนเพื่อเยียวยาแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
“ที่สำคัญปัจจุบันประเทศไทยเรายังคงมีดัชนีคอร์รัปชันและความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูง ถ้าจะต้องมีการจัดตั้งธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร รัฐบาลสมควรต้องพิจารณาแก้ไขพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 ให้สามารถบังคับใช้กฎหมายให้ทันสมัยด้วย เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นจากพนัน ส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ที่สถานบันเทิงครบวงจรตั้งอยู่ เช่น ปัญหาสุขภาพจิต ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาหนี้สิน เป็นต้น ทั้งนี้เป็นจุดยืนของเครือข่ายพวกเรา คือ เราไม่เอาพนันออนไลน์ที่จะถูกแฝงมาในวาระการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรนี้ด้วย”
•
นางสาวนัยนา ยลจอหอ ประธานชุมชนวัดสวัสดิ์วารีสีมาราม มีความเป็นห่วงเรื่องหนี้สินของครัวเรือนหากเกิดกาสิโนคอมเพล็กซ์ขึ้นมา เพราะเชื่อว่าคนที่เข้าไปเล่นส่วนใหญ่ก็จะเป็นหัวหน้าครอบครัว พอไปติดพนันก็จะมีผลกระทบต่างๆ ตามมา ทั้งปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและในชุมชน "ลำพังเศรษฐกิจบ้านเมืองตอนนี้ก็แย่อยู่แล้ว ถ้าเกิดบ่อนการพนันถูกกฎหมายยิ่งร้ายแรงเข้าไปอีก เรื่องหนี้สินอันดับหนึ่ง และยังมีเรื่องพนันออนไลน์ที่ส่วนใหญ่จะมอมเมาเด็กเยาวชน สิ่งนี้ก็อันตรายเช่นกัน เพราะมีสิทธิ์ที่เด็กจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและการค้าประเวณีตามมาได้ ล้วนเป็นผลกระทบที่เกิดจากการพนันทั้งสิ้น จึงอยากจะบอกรัฐบาลว่า การรวมตัวกันของเครือข่ายภาคีต้านภัยกาสิโนและพนันออนไลน์ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของประชาชนต่อหลายมิติ ทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของสถาบันครอบครัว"
ก่อนหน้านี้ กลุ่มภาคีเครือข่ายต้านภัยกาสิโนและพนันออนไลน์ ร่วมประชุมกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนหากรัฐบาลเดินหน้าผลักดันร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรเข้าสภา โดยนายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ในฐานะผู้ประสานงานจัดการประชุมเปิดเผยว่า “แม้ว่ารัฐบาลจะส่งสัญญาณเลื่อนการเสนอญัตติการประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรออกไป ไม่เข้าสู่สภาในวันที่ 9 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะรัฐบาลอ้างว่าขอเวลาไปทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากขึ้นก่อน ในอนาคตหากสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไปอาจมีการดันกฎหมายนี้ซึ่งยังค้างอยู่ในวาระกลับมาอีก นอกจากนี้ร่างแก้ไขพ.ร.บ.การพนันให้พนันออนไลน์ถูกกฎหมายก็ยังคงถูกเก็บงำอยู่ ประชาชนไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีการดำเนินการไปถึงไหนหรือมีอะไรซ่อนอยู่มีการดีลอะไรกันอยู่ที่ประชาชนไม่รู้ ที่ประชุมจึงมีความเห็นร่วมกันว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลถอนร่าง พ.ร.บ. Entertainment Complex และ พ.ร.บ. พนันออนไลน์ ออกจากกระบวนการทางกฎหมายอย่างถาวร โดยเน้นย้ำว่าต้อง "ถอน" ไม่ใช่แค่ "ถอย" หรือเลื่อนออกไปเท่านั้น และในสัปดาห์หน้าเครือข่ายจะไปยื่นข้อเรียกร้องกับรัฐบาล คณะรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยให้ถอนร่างกฎหมาย ขอให้ยุติไม่เดินหน้าต่อทั้งพรบ.สถานบันเทิงครบวงจร และพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย และทางที่ดีที่สุด ซึ่งจะสง่างามกว่าคือการทำประชามติหรือเสนอเป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงครั้งหน้า จะได้รู้กันไปเลยว่าคนในประเทศนี้เลือกอะไร เอาหรือไม่เอา”
•
ดร.ศรีดา ตันทะอธิพานิช ผู้แทนเครือข่ายปกป้องสิทธิเด็ก ตั้งคำถามว่า “รัฐบาลคิดได้อย่างไร จะใช้อบายมุขเป็นแหล่งสร้างรายได้เพื่อพัฒนาประเทศพัฒนาเด็กพัฒนาสังคม การดำเนินนโยบายเช่นนี้จะส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนค่านิยมของเด็กรุ่นใหม่ที่จะเติบโตมาในสังคมที่เต็มไปด้วยธุรกิจสีเทา” “ในฐานะผู้ที่ทำงานด้านเด็กกับอินเทอร์เน็ต ได้เห็นผลกระทบจากพนันออนไลน์อย่างชัดเจน ผลสำรวจพบอายุของผู้เล่นพนันมีแนวโน้มจะน้อยลงเรื่อย ๆ และมีความเสี่ยงสูงที่จะกลายเป็นผู้เสพติดพนัน ในส่วนของครอบครัว บ้านไหนที่มีพ่อหรือแม่ติดพนัน มันเหมือนตกนรก รัฐบาลจึงควรถอนเรื่องนี้ออกไป เพราะดูแล้วไม่มีข้อดีเลย"
•
ด้าน นายธนากรณ์ พวยไพบูลย์ ตัวแทนเครือข่ายสถานประกอบการลดปัจจัยเสี่ยง นำเสนอภาพจริงของผลกระทบจากการพนันในสภาพแวดล้อมการทำงานย้ำชัดการพนันทำลายชีวิตคนงาน "ในโรงงานอุตสาหกรรม การพนันเป็นเรื่องที่เข้าถึงง่ายมาก เครื่องบิน ๆ ผ่านยังพนันกันเลย ปัจจุบันคนงานตกเป็นเหยื่อพนันออนไลน์กันเยอะมาก เกิดปัญหาเงินไม่พอใช้และปัญหาครอบครัวตามมา นี่คือปัญหาที่เราเจอจริงๆ ที่อยากเรียกร้องให้รัฐบาลดูแล ไม่ใช่บอกว่าเศรษฐกิจจะดีหากประเทศเรามีกาสิโน ซึ่งตนมองว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยกับโฆษณาชวนเชื่อนี้ของรัฐบาล”
•
“การรวมตัวครั้งนี้สะท้อนถึงความกังวลร่วมกันของหลายฝ่ายต่อนโยบายที่อาจส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในระยะยาว โดยเฉพาะต่อเด็ก เยาวชน ครอบครัว และชุมชน เราไม่ใช่พวกสุดโต่งแต่เราไม่เคยเชื่อมั่นได้เลยว่ารัฐบาลจะควบคุมเสือสองตัวนี้ได้ทั้งกาสิโนและพนันออนไลน์ ตราบได้ที่ปัญหาคอรับชั่น ส่วยใต้โต๊ะ การฟอกเงิน หรือการช่วยเหลือคนที่ติดพนันยังไม่ปรากฏให้เห็นไม่ถูกแก้ ก็ไม่ต้องฝันถึงเรื่องพวกนี้”