6 มิ.ย.66 - ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะ ประชุมเตรียมการจัดแสดงโขนพระราชทาน เรื่องรามเกียรติ์ ชุด “หนุมานชาญกำแหง” ด้านผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช ย้ำพร้อม 100% ในการจัดแสดง ระหว่างวันที่ 22-23 ก.ค. 66 นี้ ณ สนามหน้าเมือง
คุณหญิงจันทนี ธนรักษ์ ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นางนฤมล ล้อมทองกรรมการผู้จัดการโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง (บริษัท สหศีนิมา จำกัด) และนายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานร่วมการประชุมเตรียมความพร้อมจัดการแสดงโขนพระราชทาน ประจำปี 2566 เรื่องรามเกียรติ์ ชุด “หนุมานชาญกำแหง”
คุณหญิงจันทนี ธนรักษ์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความปรารถนาดีและความรัก ความห่วงใย ต่อพสกนิกรของพระองค์ท่าน ในการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมสำคัญของชาติ คือ การแสดงโขนพระราชทาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เดินทางมาประชุมเตรียมการแสดงโขนพระราชทาน เรื่องรามเกียรติ์ ชุด “หนุมานชาญกำแหง” ในวันนี้ เพื่อถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมล้ำค่าของแผ่นดินไทยให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งการประชุมในวันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่พวกเราทุกคนทุกภาคส่วนในพื้นที่ได้มาพบกันเพื่อเตรียมการจัดแสดง ตามที่ทางจังหวัดได้มีหนังสือกราบบังคมทูลพระมหากรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดการแสดง
ซึ่งการจัดแสดงในครั้งนี้ เป็นการจัดแสดงครั้งที่ 5 ในรัชกาลปัจจุบัน โดยพระองค์ได้พระราชทานพระมหากรุณาให้คณะนักแสดงโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุงนำโขนพระราชทานสัญจรไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ด้วยทรงมีพระราชปณิธานตั้งแต่ทรงเถลิงถวัลยราชสมบัติว่า “ทรงปรารถนาให้มีการแสดงโขนพระราชทานให้ประชาชนในทุกจังหวัดได้รับชม” เพราะทรงเห็นว่าประชาชนต่างจังหวัดจะไม่มีโอกาสได้ชมโขนสดเหมือนประชาชนในกรุงเทพมหานคร ซึ่งคณะทำงานที่เกี่ยวข้องได้รับใส่เกล้าฯ และพยายามวางแผนการสัญจรจัดแสดงปีละ 4 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
“การจัดแสดงโขนพระราชทานเป็นการน้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการสืบสาน รักษาและต่อยอดการจัดแสดงโขนที่ได้จัดแสดงมาตั้งแต่ล้นเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และมาหยุดแสดงในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 ซึ่งเป็นที่น่าชื่นชมยินดีที่ในปักษ์ใต้คณะฯ ได้มาที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดแรก ซึ่งต้องขอขอบพระคุณปลัดกระทรวงมหาดไทยและนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทยที่ได้ให้ความสำคัญและใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน รวมทั้งส่งเสริมเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ได้นำสินค้าชุมชนมาออกร้านจำหน่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และทำให้ประชาชนผู้ชมได้ร่วมกันอนุรักษ์ ได้จับจ่ายใช้สอยสินค้าของชุมชน รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนทุกคนทุกช่วงวัยได้ศึกษาเรียนรู้ประวัติความเป็นมาผ่านนิทรรศการเล่าขานความเป็นมาของโขน ได้รับยกย่องเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ระดับโลกและเป็นมรดกของชาติที่สำคัญที่เราต้องร่วมมือร่วมใจกันทำให้คงอยู่
ซึ่งการแสดงโขนนั้น “ถ้ามีคนเล่นโขน แต่ไม่มีคนดูโขน ก็จะไม่เกิดพลัง ไม่เกิดแรงที่จะรักษาเอาไว้ได้ ดังนั้น การรักษาศิลปวัฒนธรรมของชาติอยู่ที่ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ต้องช่วยกันดูแลรักษา ด้วยการ “มาให้กำลัง” “มาดูผู้แสดงเล่น” เพราะโขนไม่ได้แสดงง่าย ๆ ผู้แสดงต้องฝึกฝนเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ต้องดัดขา ดัดมือ ดัดร่างกาย หมั่นเพียรเรียนการดนตรี การร่ายรำ รวมถึงส่งเสริมงานหัตถศิลป์เรื่องเสื้อผ้า และงานช่างสิบหมู่ การทำศีรษะโขน ซึ่งล้นเกล้าฯ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อนุรักษ์ ให้รักษาไว้”
•
“เมื่อเรานำโขนมาเล่นให้เด็ก เยาวชน ลูกหลานได้รับชม พวกเขาสามารถจับต้องได้จริง ๆ สามารถสัมผัสและกล้าที่จะร้องเล่นไปด้วย เช่น จังหวะพากย์เสียง “เพ้ย” เด็ก ๆ ที่มาชมก็จะร้องไปด้วย โดยมีคณะโขนศาลาเฉลิมกรุงเป็นผู้ถ่ายทอด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การที่เขาสามารถสัมผัสได้ ทำให้เกิดความสนใจ ใส่ใจในการศึกษาวรรณคดีของชาติที่ทุกวันนี้ค่อนข้างจะได้รับความสนใจจากเด็กน้อยลง และการแสดงในครั้งนี้ จะได้ถ่ายทอดสิ่งดี ๆ ให้กับพี่น้องประชาชนชาวนครศรีธรรมราชได้ร่วมรับชม โดยก่อนทำการแสดง จะได้มีการจัดพิธีบวงสรวงด้วยการกราบไว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพบูชาของคนในพื้นที่ ทั้งศาลหลักเมือง และพระมหาธาตุนครศรีธรรมราช ด้วยบทบวงสรวงที่ได้รับการประพันธ์เฉพาะของพื้นที่ เป็นขนบในการกราบไหว้ขอขมาแผ่นดินที่เราไปใช้จัดแสดง โดยครูเฉลิมศักดิ์ ปัญญวัตวงศ์ และจะมีการพานักแสดงได้ไปกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเมืองนครที่ควรเรียนรู้ทั้งวัฒนธรรมและธรรมชาติเพื่อส่งเสริมอนุรักษ์ความเป็นไทยด้วย
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า “โขนพระราชทาน” มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำให้“ประเทศไทยมีความมั่นคง” เพราะงานศิลปวัฒนธรรมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสร้างอัตลักษณ์และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติ และเป็นสิ่งสร้างความสุขให้กับพี่น้องประชาชนด้วย ทั้งนี้ ความภาคภูมิใจของคนในชาติต่อ“โขน” ได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ในสากล เป็น Soft Power ของโลก เพราะเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศรับรองให้ “โขนไทย (Khon, masked dance drama in Thailand)” เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Heritage) ของมวลมนุษยชาติ
ชาวนครศรีธรรมราชสามารถภาคภูมิใจในส่วนสำคัญของการแสดงโขน คือ “เครื่องแต่งกาย” เพราะเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของโขนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เป็นผลงานที่สำคัญของสกุลช่างเมืองนคร ที่ทำให้โขนมีเสื้อผ้าเครื่องประดับเครื่องตกแต่งที่สวยงาม ทั้งผ้ายกเมืองนคร ฯลฯ ที่ใช้ในราชสำนักก็มาจากนครศรีธรรมราช ดังนั้น การที่เราได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้จังหวัดนครศรีธรรมราชจัดโขนพระราชทาน เป็นเครื่องตอกย้ำชื่อเสียงถึงความเป็น “มหานครศิลปวัฒนธรรมที่มีความสำคัญของชาติ”
การจัดแสดงนี้ ทำให้เด็กเกิดแรงบันดาลใจอยากเป็นโขน “และทุกตัวละครล้วนสะท้อนความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของบรรดาอาสาไพร่พล คือ ทศกัณฑ์แห่งกรุงลงกา และพระราม พระลักษมณ์ แห่งกรุงอโยธยา อันเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่า เป็นอัตลักษณ์ความเป็นไทยที่ต้องช่วยกันปลูกฝังให้กับลูกหลาน” “เพื่อให้ประชาชนมีความสุข” สมดังพระราชปณิธาน และประการที่สำคัญที่สุดที่ชาวนครศรีธรรมราชโชคดีกว่าทุกจังหวัด เพราะเดือนกรกฎาคมเป็นเดือนแห่งวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงขอให้ถือโอกาสนี้ ทำให้เราทุกคนได้สนองพระเดชพระคุณในการสืบทอดศิลปวัฒนธรรมของชาติไทย เป็นการปฏิบัติบูชาด้วยการทำความดีถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกด้วย”
ด้าน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กล่าวว่า โขนเป็นการแสดงศิลปวัฒนธรรมชั้นสูงของประเทศไทย ซึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราชแห่งนี้ ได้รับพระมหากรุณาพระราชทานการแสดงโขนให้มาจัดแสดงในตอน หนุมานชาญกำแหง ซึ่งเชื่อมั่นว่าทุกท่านจะมีความสนุกและจดจำตลอดทั้งตอน นอกจากนี้ ในการแสดงครั้งนี้ ยังเป็นการที่เราจะได้มีส่วนช่วยเหลือพี่น้องผู้ประกอบการ OTOP อุดหนุนสินค้าชุมชน ตลอดทั้ง 2 วัน คือวันที่ 22 – 23 กรกฎาคม 2566 จึงขอให้ทุกส่วนงานได้ร่วมกันเชิญชวนพี่น้องประชาชนได้มาชมโขนกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งและมาช่วยอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีความเข้มแข็ง ยังผลให้พี่น้องผู้ประกอบการในชุมชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
คุณนฤมล ล้อมทอง กล่าวว่า การจัดแสดงโขนพระราชทานของโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี2552 ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ทั้งนี้ จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นเมืองที่มีศิลปวัฒนธรรมที่เข้มแข็งมาก โดยการแสดงโขนพระราชทานสัญจรของศาลาเฉลิมกรุง มีการเดินเรื่องที่แตกต่างจากโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ คือ เป็นการแสดงที่สั้น กระชับ เข้าใจง่าย ไม่ยาว เป็นบทพากย์เจรจา เดินเรื่องด้วยความรวดเร็ว และใช้แสง ทำอารมณ์ของฉาก เช่น ฉากรบ สีร้อนแรง ฉากรัก สีนุ่มนวล ฉากใต้น้ำ มีสีบรรยากาศเหมือนใต้น้ำจริง ๆ เป็นโขนดั้งเดิมที่ถ่ายทอดอารมณ์ผ่านแสงและเสียง ทำให้ผู้รับชมได้รับอารมณ์ร่วม ตลอด 8 ฉาก ในเวลา 2 ชั่วโมง และยังส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านของภาคนั้น ๆ ด้วยการแสดง “หน้าม่านเบิกโรง”
•
โดยจังหวัดนครศรีธรรมราชจะเป็นการ “รำโนราเบิกโรง” อันเป็นพิธีกรรมและศิลปะการแสดงพื้นบ้านที่ผูกพันกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตผู้คนในภาคใต้ ที่ UNESCO ได้ประกาศรับรองเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Heritage) ของมวลมนุษยชาติ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 “การแสดงในครั้งนี้มีฉากที่เกี่ยวข้องกับชีวิตหนุมานตั้งแต่กำเนิดหนุมาน โดยใช้ผู้แสดงเป็นเด็กเล็กจริง ๆ วานรอ่อนแรงด้วยต้องคำสาบเพราะซุกซน อาสาพระรามสืบหานางสีดา ไปช่วยนางสีดา เผากรุงลงกา กระทั่งเมื่อรบชนะก็ได้ครองเมืองขีดขิน ซึ่งจะเป็นการเดินเรื่องแบบรวดเร็ว และทำให้เด็กและเยาวชนได้เข้าถึงการแสดง เพราะเวลาเล่นจะมีการสื่อสารถึงเด็กและเยาวชนตรง ๆ ทำให้เกิดความใกล้ชิดกับผู้รับชม”
นายอภินันท์ เผือกผ่อง กล่าวว่า จ.นครศรีธรรมราช มีความพร้อม 100% ในการเป็นสถานที่จัดแสดงโขนพระราชทานเรื่องรามเกียรติ์ ชุด “หนุมานชาญกำแหง” ในระหว่างวันที่ 22 – 23 กรกฎาคม 2566 ณ บริเวณสนามหน้าเมือง โดยคาดว่าจะมีผู้รับชมไม่น้อยกว่า รอบละ 8,000 คน รวม 2 วัน เป็นจำนวน 16,000 คน โดยบูรณาการทีมภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนของจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพสนับสนุนการจัดแสดง และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงร่วมรับชมได้ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย