X
นักวิชาการชี้คำตัดสินศาลปกครองให้ OTT เป็นกิจโทรทัศน์ รอ กสทช.ให้ความชัดเจน

นักวิชาการชี้คำตัดสินศาลปกครองให้ OTT เป็นกิจโทรทัศน์ รอ กสทช.ให้ความชัดเจน

4 ก.ค. 2568
130 views
ขนาดตัวอักษร

สืบศักดิ์ สืบภักดี เลขาธิการ สมาคมโทรคมนาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ประเด็นบริการ OTT หรือ Over The Top ที่กลับมาเป็นที่สนใจจากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้น รับฟ้องคดีตามที่เพิ่งเป็นข่าวนั้น แท้จริงแล้วประเด็นนี้หลายหน่วยงานได้ศึกษาและต่างมีข้อวินิจฉัยและรวมถึงเสนอแนวทางกำกับดูแลมาก่อนหน้านี้ไว้หลายหน่วยงาน อาทิ กสทช. เองก็ทำการศึกษาไว้ NECTEC หรือแม้แต่ ETDA เป็นต้น


“ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าบริการที่รวมเรียกว่าเป็น OTT นั้นไม่ได้มีแต่บริการสตรีมมิ่งหรือโทรทัศน์ บริการ Voice บริการ App ที่เป็นแพล็ตฟอร์ม Peer to Peer หรือ P-2-P หรือบริการที่มีลักษณะรับชำระหรือธุรกรรมก็โดนรวมเรียกเป็น OTT ดังนั้นก่อนหน้านี้มิติการมองเรื่องกำกับดูแลจึงอยู่ที่ว่าใครควรเป็นหน่วยงานเจ้าภาพและใช้กฏหมายใด เพราะถ้าเป็น กสทช. อำนาจก็อาจจะมีแค่ โทรทัศน์ กระจายเสียง และโทรคมนาคม แต่อาจไปควบคุม บริการธุรกรรมซื้อขาย การเงิน ขนส่ง หรืออื่นๆ ไม่ได้”


เลขาธิการ สมาคมโทรคมนาคมฯ กล่าวอีกว่า ถ้าจะมองว่า regulator ด้านการเงิน หรือ ETDA ควรดูภาพรวมเพราะ ETDA ดูทั้งบริการดิจิทัลแพล็ตฟอร์ม การค้าธุรกิจ ธุรกรรม ก็อาจทำได้ ดังนั้น ที่ผ่านมา OTT จึงอาจมองเป็นพื้นที่ gray area ของการกำกับดูแลก็ย่อมได้


จากกรณีที่เกิด ผู้ฟ้องมีประเด็นในส่วนบริการสตรีมมิ่ง หรือรายการโทรทัศน์จึงร้องศาล เพราะในเมื่อการกำกับดูแลทำบนแพล็ตฟอร์มทีวีภาคพื้นดิน และบริบทของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการฯ แต่บน OTT นั้น ในเมื่อไม่มีกลไกกำกับ การตีความหรือหน่วยงานเจ้าภาพก่อนหน้านี้ กสทช. เองก็มิอาจเข้าไปกำกับหรือทำอะไรได้ ซึ่งแท้จริงแล้วอาจไม่ใช่แค่เรื่องสตรีมมิ่ง หรือรายการโทรทัศน์ OTT ในภาพกว้างเองก็ยังรอความชัดเจนในการออกกฏเกณฑ์ การตีความ มากำกับดูแล


เรื่องทั้งหมด มาจาก ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งที่ 541/2568 ในคดีหมายเลขดำที่ 198/2567 หมายเลขแดงที่ 840/2567 ของศาลปกครองกลาง ให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำ ฟ้องไว้พิจารณาในคดีที่ "นาย น." ผู้ใช้บริการรับชมรายการโทรทัศน์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (OTT: Over the Top) ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), เลขาธิการ กสทช. และสำนักงาน

กสทช.


โดยผู้ฟ้องระบุว่า หน่วยงานทั้ง 3 ละเลยต่อหน้าที่ตามพระราช บัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553ในการกำกับดูแลและตรวจสอบการดำเนินกิจการของผู้ให้บริการระบบ OTT ที่นำสัญญาณรายการจากสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลมาเผยแพร่ผ่านแอปพลิเคชันของตน พร้อมแทรก โฆษณา คั่นรายการโดยไม่มีหลักเกณฑ์ควบคุม อันอาจส่งผลให้ผู้บริโภคได้รับภาระเกินควร และเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค


เดิมศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง อย่างไรก็ดี ศาลปกครอง สูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้เข้าลักษณะเป็นคดีปกครองที่ฟ้องหน่วยงานของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย และคำพิพากษาในคดีนี้อาจมีผลเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ ทั้งในการคุ้มครองผู้บริโภคไม่ให้ได้รับภาระเกินความจำเป็น และเพื่อมิให้มีการแสวงหาประโยชน์จากการใช้คลื่นความถี่โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของประชาชนทั่วไป


ศาลยังเห็นว่า การให้บริการ OTT ที่มีลักษณะถ่ายทอดรายการโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต เข้าข่ายเป็น "กิจการโทรทัศน์" ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ และการยื่นฟ้องของผู้ฟ้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นการฟ้องเพื่อประโยชน์สาธารณะ จึงสามารถยื่นฟ้องเมื่อใดก็ได้ ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องไว้พิจารณาตามรูปคดีต่อไป

Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)