ต่อกระแสการเมืองที่จับตาการจัดตั้งรัฐบาล ที่บัดนี้เปลี่ยนมือการนำจากพรรคก้าวไกล สู่พรรคเพื่อไทย หนทางข้างหน้าดูจะตีบตัน หากยังคงจับมือกับ 8 พันธมิตรพรรคร่วมเดิมที่มี พรรคก้าวไกล ที่ ส.ว. ไม่เอาด้วย ทำให้นึกถึงทางออกหากต้องการได้รับเสียงสนับสนุน เพื่อไทยอาจต้องละทิ้งพันธมิตร จับมือกับขั่วต่าง และหากหวังได้รับการยอมรับจากส.ว. 250 เสียง ย่อมต้องยอม เปลี่ยนแปลงเปิดอก รับ ขั้วต่างชนวนความเปลี่ยนแปลงเมื่อปี 2557 กลับมาเป็นขั้วเดียวกัน
คำเตือนจากคนที่เคยผ่านเหตุการณ์พฤษภาทมิฬที่ยกคำพูดอันสะเทือนแผ่นดินในครั้งนั้น "เสียสัตย์เพื่อชาติ" ที่พลเอกสุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยประกาศเมื่อจะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยอมเสียสัตย์ที่เคยกล่าวไว้ว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ความสะพรึง คือ ความเป็นห่วงที่หลั่งไหลมาหลายทิศทาง โดยเฉพาะจากคนเดือนพฤษภา ว่าเหตุการณ์และพฤษภานั้นจะกลับคืนมาอีกครั้ง ถ้า มีเหตุการณ์ “เสียสัตย์” เกิดขึ้น และอาจจะนำมาซึ่งมวลมหาประชาชนที่ไม่เห็นด้วย
เมื่อวิเคราะห์ถึงความเปราะบางที่กำลังเผชิญ เราอาจยังไม่รู้ว่า เพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลแบบไหน จะเป็นอย่างที่ “ลือ” กัน นั้นหรือไม่ แต่จะด้วยสูตรได้หากสูตรแห่งความยั่งยืนเอากันจริงๆ คงต้องมี คนเสีย อะไรสักอย่างหรือหลายอย่างเป็นแน่ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง "ขั้ว" ขึ้นจริงๆ แล้ว ก็น่าจะต้องดูกันอีกทีว่าสถานการณ์จะเปราะบางเช่นเดียวกันกับครั้งเดือนพฤษภาคม2535 หรือไม่ ข้ออ้าง แบบไหนจะถูกนำมาใช้
การฟังหู ไว้คิด คือฟังแล้วพิจารณาคำเตื่อนจากผู้มีประสบการณ์ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่กาลข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ต้องดูถึงบริบท ในแต่ละช่วงเวลา ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า สถานการณ์ช่วงนี้ช่างเปราะบาง มวลชน(ส่วนหนึ่งหรือส่วนมาก) กำลังเจ็บปวด และที่คาดเดาไม่ได้คือ ฝ่ายความมั่นคงที่ สงบอยู่ในที่มั่น เงียบ เฝ้ารอ และจับตา อย่างเยือกเย็น สติ และจิตใจที่มั่นคงเท่านั้นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของประเทศ ต้องมี ฝ่ายความมั่นคง เป็นตัวแปร สำคัญ การคาดเดาจึงต้อง ดูที่ ตัวแปร และปฏิกิริยา ประกอบกัน
การเมืองไทยช่วงเวลาเยียบเย็นและไม่เป็นไปอย่างใจ ขอให้รำลึกถึงคำพระที่ว่า "มันเป็นเช่นนั้นเอง " ก็จะไม่ ทุกข์เกินไป