15 ธ.ค. 66 - ธนาคารโลกออกรายงานเศรษฐกิจไทย
คาดแนวโน้มในอนาคตดีขึ้น ดิจิทัลวอลเลคกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่ระยะสั้น แถมสร้างหนี้ต่อ
GDP ให้สูงด้วย
ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 2.5% ในปีนี้ ก่อนที่จะขยายตัวขึ้นเป็น 3.2% ในปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว การส่งออก และการบริโภคภาคเอกชนที่ยั่งยืน ธนาคารโลกระบุเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
โดยมีแนวโน้มการเติบโตในปี 2566 และ 2567
ลดลงจาก 3.4% และ 3.5% ที่ประมาณการไว้ในเดือนตุลาคมตามลำดับ สำหรับประเทศไทยที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขยายตัว
2.6% ในปี 2565
ธนาคารโลกกล่าวว่าการเติบโตในปี 2566
ได้รับผลกระทบจากการหดตัวของการส่งออก ส่วนการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ
ในขณะที่การส่งออกคาดว่าจะฟื้นตัวเนื่องในปีหน้าจากการค้าโลกที่เอื้ออำนวย
แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวก็ตาม
การท่องเที่ยวคาดว่าจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดในช่วงกลางปี 2568 โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของจีน ในขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจคาดว่าจะอยู่ที่ 3.1% ในปี 2568 ธนาคารโลก ธนาคารโลกระบุในรายงานติดตามเศรษฐกิจของประเทศไทย
สำหรับโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลที่วางแผนไว้ของประเทศไทย ซึ่งอาจคิดเป็น 2.7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สามารถกระตุ้นการเติบโตในระยะสั้นได้อีก 0.5 ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ในช่วงระยะเวลาสองปีในปี 2567 และ 2568 แต่ก็เป็นผลให้การขาดดุลการคลังอาจเพิ่มขึ้นเป็น 4% ถึง 5% ของ GDP ในขณะที่หนี้สาธารณะอาจสูงถึง 65% ถึง 66% ของ GDP
ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอีกครั้งในประเทศไทย
เนื่องจากการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานสูง ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดแนวโน้มลบต่อภาคเศรษฐกิจได้
จากการรายงานของธนาคารโลก
เรียบเรียงจาก https://www.reuters.com/markets/asia/world-bank-cuts-thai-growth-outlook-25-this-year-32-next-year-2023-12-14/