X
ข้อคิดดี ๆ ส่งต่อกำลังใจจาก ‘คุณหมอกฤตไท’ เจ้าของเพจ “สู้ดิวะ”

ข้อคิดดี ๆ ส่งต่อกำลังใจจาก ‘คุณหมอกฤตไท’ เจ้าของเพจ “สู้ดิวะ”

10 มี.ค. 2566
1840 views
ขนาดตัวอักษร


“...หากวันไหนที่ชีวิตอาจจะไม่สามารถหาเหตุผลที่เพียงพอ ในการมีชีวิตอยู่เจอได้ด้วยตัวเองแล้ว อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น…” หนึ่งข้อคิดดี ๆ ส่งต่อกำลังใจ จากคุณหมอกฤตไท เจ้าของเพจ “สู้ดิวะ”



คุณหมอกฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “สู้ดิวะ” ชวนลูกเพจคุยเรื่องที่น่าสนใจ “ทำไมเราถึงยังตายไม่ได้” พร้อมฝากข้อคิดดี ๆ ให้กำลังใจ

.

สวัสดีครับ

.

วันนี้อยากจะมาชวนคุยเรื่องที่น่าสนใจสั้นๆเรื่องหนึ่งครับ

.

“ทำไมเราถึงยังตายไม่ได้ครับ?”

.

อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้เรายังต้องอดทนมีชีวิตอยู่ต่อไป ทั้งที่ชีวิตส่วนใหญ่แล้วก็ต้องดิ้นรน ชีวิตที่แสนเปราะบางและควบคุมอะไรไม่ได้เท่าไร ชีวิตที่หลายครั้งตอบแทนความพยายามของเราด้วยความผิดหวังอยู่บ่อยๆ

.

แม้ว่าที่ผ่านมา ผมเองจะได้แชร์มุมมองอย่าง

“การตระหนักว่าเวลาในชีวิตเรามีจำกัด”

“การรับรู้ถึงความโชคดีของการมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน”

“การใช้เวลาของแต่ละวันไปกับสิ่งสำคัญและใช้ชีวิตให้มีคุณค่าในตอนที่ยังมีโอกาสได้ทำ”

.

ผม ที่พูดกับตัวเองว่า

.

“สู้ดิวะ”

.

‘เอาหน่อยดิวะ มันยังมีทางไปต่อ ชีวิตยังไม่จบ ยังมีลมหายใจก็สู้ดิวะ’

ผมบอกตามตรงว่า นอกจากชื่อเพจแล้วนั้น ผมไม่พูดคำนี้กับใครมาสักพักละครับ เพราะผมรู้ดีว่าในชีวิตของทุกคนนั้น ทุกคน ‘สู้เต็มที่อยู่แล้ว’ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคร้าย หรือคนที่พบวิกฤตปัญหาในชีวิตหนักๆ ทุกคนเขา สู้เต็มที่

สู้.. จนไม่รู้จะสู้ยังไงกันอยู่แล้ว

.

พวกคำว่า “สู้ๆนะ สู้ต่อไป สู้ดิวะ” อะไรพวกนี้ บางทีมันอาจไปทำให้หลายคนรู้สึกว่า

นี่กูยังสู้ไม่พอเหรอ? หรือ ลองมาเป็นกูดูไหมล่ะ?

.

ดังนั้น ผมจึงไม่พูดคำพวกนี้กับใครเลยครับ

ยกเว้นชื่อเพจ ที่ตั้งเพื่อบอกกับตัวเองเท่านั้น

.

.

ที่จะมาชวนคุยวันนี้ คือ ผมดันเกิดคำถามที่น่าสนใจขึ้นมาครับว่า

.

“สู้ไปทำไมวะ?”

.

จริงๆ มันเป็นอะไรที่เข้าใจได้มากๆเลยนะครับ ที่พอเราสู้กับอะไรมาสักพักแล้วเราจะท้อหรืออ่อนแอ อยากปล่อยจอย แล้วยอมแพ้ไปซะให้จบๆ

.

ผมคงจะเป็นไอ้ขี้โม้คนหนึ่ง ถ้าจะมาบอกว่าผมรับมือกับทุกอย่างได้ดี มีสภาพจิตใจและทัศนคติอันทรงพลังยอมรับกับทุกความทรมานที่ต้องเจอ แล้วยิ้มให้กับมัน สู้ไปกับมันได้ตลอด

.

ผมกลับมองว่า “ผมเป็นคนธรรมดา” ทีกำลังเกิดคำถามต่อสิ่งที่ตัวเองกำลังสู้อยู่

.

เกิดคำถามว่า ‘เราจะอดทนต่อไปเพื่ออะไรกันนะ?’

.

เพราะอย่างโรคของผมเอง ที่โดยภาพรวมตอนนี้ก็ไม่ได้ถือว่าจะตายกันในวันสองวัน แต่แนวโน้มมันก็ยังคงเป็นโรคที่รุนแรง ล่าสุดเจ้าก้อนในสมองเองก็มีการกำเริบ ผมจำเป็นต้องได้รับการรักษาฉายแสงรังสีรักษาทั่วทั้งศีรษะ ซึ่งแน่นอนว่าการเอาเนื้อสมองทั้งหมดไปรับรังสีนั้นจะต้องเกิดผลข้างเคียงทางสมองแน่ๆ แค่เกิดเร็วหรือช้า เกิดมากหรือน้อยเท่านั้น ผมต้องเริ่มทานยาทางสมอง รับผลข้างเคียงจากยาเหล่านั้น เพียงเพื่อให้สมองผมจะยังคงพอทำงานได้ที่หกเดือนหลังจากนี้

.

.

“ทำไมเรายังตายไม่ได้นะ?”

.

ผมถามตัวเองในระหว่างรับการรักษาในช่วงที่ผ่านมา

.

ผมเองไม่ใช่วันรุ่นคนเดียวของประเทศนี้ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายครับ มีอีกหลายคนที่ชีวิตต้องเผชิญกับปัญหาหรือโรคร้ายที่ไม่รู้จะผ่านไปได้ยังไง ต้องเจอกับความจริงที่แสนโหดร้ายของโลกใบนี้ที่อาจจะมากกว่าที่ผมเจอด้วยซ้ำ

.

มันคงเป็นธรรมดาหากเราจะเกิดคำถามว่า

เราสู้ไปทำไมวะ? หรือเราอดทนต่อไปเพื่ออะไรวะ?

.

วันที่เหตุผลในการพยายามมีชีวิตอยู่นั้น กลายเป็นสิ่งที่ต้องมีพลังมากพอที่จะทำให้เรายังสู้ต่อ

.

.

ผมเองใช้เวลาหาคำตอบนานมากเลยครับ

เพราะสำหรับผมแล้วมันยากครับ ผมไม่ได้รู้สึกเลยว่า การที่ยังไม่ได้ตำแหน่งวิชาการ ยังไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ หรือยังไม่ได้มีสิ่งนั้นสิ่งนี้จะเป็นเหตุผลให้อดทนสู้ต่อ

.

สมมติวันนี้ผมหายไป ก็จะมีคนมาทำงานแทนผมได้ ทีมงานผมจะยังเข้มแข็ง น้องสาวและพ่อแม่ผมก็ดูแลตัวเองได้ดีมาก ไม่น่าเป็นห่วงเลย เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ผมรักทั้งหลายนั้นก็มีชีวิตที่ยอดเยี่ยม พวกเขาคงจะคิดถึงผม คงจะเสียใจถ้าผมหายไปแหละ แต่ผมก็เชื่อว่าเขาจะยังจำเรื่องราวตอนที่เราอยู่ด้วยกันได้ และเชื่อว่าเรื่องราวของเราจะเป็นสิ่งดีๆในชีวิตพวกเขาในวันที่ผมไม่อยู่

.

.

ผมก็เลยเกิดความคิดแว่บขึ้นมาว่า หรือจริงๆ

.

.

“...เราไม่ต้องอดทนต่อแล้วก็ได้ไหม”

.

.

.

แต่

.

.

ผมว่าผมก็ยังอยากร้องเพลงในงานแต่งตัวเองนะ

ผมยังอยากชวนเพื่อนมาเที่ยวบ้านใหม่

ยังอยากไปดูคอนเสิร์ตโปเตโต้อีกสักครั้ง

ยังหวังจะได้เห็นรัฐบาลที่จริงจังในการแก้ปัญหาฝุ่นควันของประเทศ

.

รวมถึงการที่ผมกำลังนั่งเขียนเพจสู้ดิวะอยู่ตอนนี้ ถึงมันจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากมายอะไร

.

แต่มันทำให้ผมรู้สึกว่า

.

“การที่เรายังคงมีชีวิตอยู่ตอนนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอะไรเลยนี่นา”

.

.

และที่สำคัญที่สุด

เมื่อผมหันไปมองทันตแพทย์หญิงหน้าตาดีมีอนาคต ที่ลางานมานอนเฝ้าผมที่โรงพยาบาลตลอดทั้งช่วงการฉายแสงนี้

.

ผู้หญิงที่บอกผมทุกวันว่า

“เช้าแล้วนะ วันนี้โลกให้เวลาเรามาใช้ด้วยกันเพิ่มอีกหนึ่งวันแล้ว ดีจังเลยเนาะ”

.

ผู้หญิงที่อาจจะรักผม มากกว่าที่เขารักตัวเอง

ผู้หญิงที่ทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้ก็ยัง ‘ยุติธรรม’ แม้จะต้องมาป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแบบนี้

.

.

.

ดังนั้น

ผมจึงให้เหตุผลในการต่อสู้กับตัวเองในตอนนี้ว่า

.

“เพราะยังอยากใช้เวลากับพีมให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

.

ยังอยากมีช่วงเวลาที่น่าจดจำด้วยกันอีกเยอะๆ อยู่เป็นของขวัญให้กันและกันแบบนี้อีกสักหน่อย ร่วมกันสร้างช่วงเวลาแห่งความทรงจำให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อวันหนึ่งที่เวลาของผมมาถึง พีมจะใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นเป็นความอบอุ่นให้เขายังมีชีวิตที่มีความสุขต่อไปได้อีกสักพักใหญ่ๆ

.

สำหรับผมแล้ว เหตุผลเหล่านี้มีพลังมากพอที่จะช่วยให้ผมยังอดทนกับทุกอย่างที่กำลังจะเข้ามาในชีวิตต่อจากนี้แล้วมั้งครับ

.

.

นี่คงเป็นคำตอบสำหรับผมในวันนี้ ที่มีต่อคำถามว่า

“สู้ไปทำไมวะ”

.

.

แล้วทุกท่านล่ะครับ

อะไรเป็นเหตุผลให้ท่านยังพยายามอดทนต่อสู้กับชีวิตที่ไม่ได้สวยงามนี้อยู่?

.

ผมเอง เคยอ่านคำถามนี้มาก่อนครับ ตอนนั้นเข้าไปอ่านคำตอบของคนอื่นด้วย คนไทยน่ารักครับ คำตอบก็หลากหลายกันไปตามสภาพชีวิตที่แต่ละคนเจออยู่ ผมเจอว่าเหตุผลที่ยังตายไม่ได้นั้นมันเป็นไปได้ทุกอย่างเลยครับ

ตั้งแต่การกลัวไม่มีคนให้อาหารแมว กลัวต้นไม้ที่บ้านตาย การรอของที่ pre-ordered ไว้มาส่ง หรือการรอดู Attack on titan final season ปลายปีนี้

.

เหตุผลเหล่านั้นมันอาจเพียงพอแล้วให้หลายคนยังอยากต่อสู้กับชีวิตต่อไป

ซึ่งผมอ่านแล้วยิ้มตามกับทุกคำตอบเลยจริงๆครับ รู้สึกยินดีกับเขาเหล่านั้นมากๆ

.

.

ยังไงก็ตาม โลกนี้ยังมีคนอีกมาก ที่ชีวิตอาจจะไม่สามารถหาเหตุผลที่เพียงพอในการมีชีวิตอยู่เจอได้ด้วยตัวเองแล้ว

ส่วนตัวผมมองว่าสิ่งสำคัญคือเราต้องรู้ว่า

เราต้องการ ‘ความช่วยเหลือ’ แล้วนะ

.

อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นครับ

.

อย่าลังเลที่จะปรึกษาบุคคลกรที่ดูแลเรื่องสุขภาพจิต

อย่างผมเองก็ได้ปรึกษาเพื่อน ปรึกษาอาจารย์หมอจิตเวชเพื่อช่วยให้ผมจัดการกับโจทย์ที่ยากแบบนี้ได้ดีขึ้นครับ

.

หรืออย่างน้อยที่สุด

ทักเพจผมมาก็ได้ครับ ผมเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญและคงไม่สามารถตอบทุกคนได้ดีแบบทันที

แต่ผมพร้อมที่จะรับฟังและยินดีที่จะให้กำลังใจกับทุกคนจริงๆครับ

.

.

ส่วนคนที่ชีวิตยังโชคดีพอที่จะไม่เกิดคำถามพวกนี้กับตัวเอง ผมก็ยังคิดว่าการที่เราพยายามหาเหตุผลนั้น

ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ชีวิตเรามีความหมายมากขึ้น

จริงไหมครับ

.

ขอให้ทุกท่านพบ

“เหตุผลในการมีชีวิตอยู่” ของตัวเองครับ


Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)