X
ป่าอุทยานฯ ช่วยรักษ์โลก ป่าต้นน้ำคืออ่างเก็บน้ำธรรมชาติ เท่าเขื่อนภูมิพล 3 เขื่อน

ป่าอุทยานฯ ช่วยรักษ์โลก ป่าต้นน้ำคืออ่างเก็บน้ำธรรมชาติ เท่าเขื่อนภูมิพล 3 เขื่อน

12 ส.ค. 2568
80 views
ขนาดตัวอักษร

12 ส.ค.68 - กรมอุทยานแห่งชาติฯ เผยตัวเลขป่าช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์-ปล่อยออกซิเจน ขณะที่ป่าต้นน้ำเป็นกลไกเทียบเท่าอ่างเก็บน้ำธรรมชาติช่วยเก็บน้ำได้เท่ากับเขื่อนภูมิพล 3 เขื่อน


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์ว่า ในปีละปีนั้น ป่าไม้ในประเทศไทยมีศักยภาพดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และปล่อยออกซิเจนออกมาจำนวนมาก โดยพื้นที่ป่าประเทศไทยมีจำนวน 102 ล้านไร่ สามารถดูดซับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละ 28.6 ล้านตันคาร์บอน และสามารถปล่อยออกซิเจน ได้ 20.8 ล้านตัน ต่อปี ทั้งนี้แบ่งเป็น พื้นที่ป่าอนุรักษ์ ในส่วนที่กรมอุทยานฯดูแลอยู่ 74.2 ล้านไร่ ซึ่งสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 22 ล้านตันต่อปี ปล่อยก๊าซออกซิเจนได้ 16 ล้านตัน ต่อปี

"เรายังมีป่าต้นน้ำที่เปรียบเสมือน อ่างเก็บน้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ สามารถเก็บน้ำได้จำนวน 41.96 ล้านลูกบาศก์เมตร เทียบเท่ากับการเก็บน้ำไว้ในเขื่อนภูมิพลจำนวน 3 เขื่อนทีเดียว ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำ รวมถึงป่าอื่นๆ มาก อย่างไรก็ตามในปริมาณดังกล่าวเรายังสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกในปริมาณพื้นที่ป่า ซึ่งกรมอุทยานพยายามทำอยู่ รวมทั้งเข้าจัดการกับการลักลอบเข้าไปใช้พื้นที่ป่าอย่างผิดกฏหมาย โดยขอความร่วมมือประชาชนในการเป็นหูเป็นตาเรื่องการลักลอบเข้าไปใช้พื้นที่ป่าแบบผิดกฏหมายด้วย"


อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้กรมอุทยานได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีภาพ 3 ดี เป็นกล่องอุปกรณ์ สำหรับติดหลังเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เมื่อเดินผ่านป่า เครื่องมือจะทำการคำนวณปริมาณการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากพื้นที่ป่าที่เจ้าหน้าที่เดินผ่าน เป็นการคำนวณปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์และค่าออกซิเจนอย่างง่ายและได้ผล โดยปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ป่าดูซับและปริมาณออกซิเจนที่ป่าปล่อยออกมานั้น จะถูกคำนวณเอาไว้เพื่อเป็นพื้นฐานของประเทศเรื่องการดูดซับและปลดปล่อย ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซออกซิเจน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาคเอกชนสามารถเข้ามาปลูกป่า ในส่วนที่เป็นป่าเสื่อมโทรม เพื่อใช้ลดหย่อนสำหรับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ภายในองค์กรของตัวเองได้


นายอรรถพล กล่าวอีกว่า ป่าที่สมบูรณ์ที่สุดคือ ป่าดิบชื้น และป่าดิบเขาในภาคเหนือ ซึ่งนอกเหนือจากปริมาณการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ และการปล่อยออกซิเจนแล้ว ป่าแต่ละประเภท ยังเป็นแหล่งกำเนิดสายน้ำและก่อให้เกิดฝนตกตามฤดูกาล ล่าสุดนั้น ได้มีการวัดปริมาณน้ำฝนที่เกิดในกลุ่มป่าต่างๆ พบว่า ป่าเต็งรังมีปริมาณน้ำฝน 1,619.9 มิลลิเมตรต่อปี ป่าเบญจพรรณ 1,503.2 มิลลิเมตร ต่อปี ป่าดิบแล้ง 1,647 มิลลิเมตร ป่าดิบชื้น 2,158.5 มิลลิเมตร และป่าดิบเขา 2,317.1 มิลลิเมตร

อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)