นายวราวุธ ยันต์เจริญ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจาก นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะประกอบด้วย พลเอกอนุชา รักเรือง คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายไพรัช ชัยชาญ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) น.ส.ปีย์วรา จริยเมโธ รองนายกเทศบาลเมืองบางรักพัฒนา นายสราวุธ พรรณเภรี ปลัดอำเภอบางบัวทอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ โครงการ เดอะ มิดด์ คอนโดมิเนียม 1 จากกรณีที่ปรากฏข้อมูลการนำเสนอข่าวผ่านรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 โดยมีเนื้อหาผู้บริโภคได้รับความเสียหายจากการซื้อห้องชุดในโครงการไม่ตรงตามที่โฆษณา และมีการชำรุดหลายจุด
นายวราวุธ กล่าวว่า รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ติดตามเรื่องนี้เร่งด่วนภายหลังจากทราบข้อมูลจากรายการโหนกระแส จึงได้สั่งการตนนำคณะผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบ พบว่ามีลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบ ตามที่เคยร้องเรียนผ่าน สคบ. จำนวน 26 ราย วันนี้ตนได้เข้าไปตรวจดูห้องพักที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด ซึ่งอยู่บนชั้น 8 ของโครงการ พบสภาพผนังห้องมีรอยร้าวหลายจุด มีน้ำซึมรั่ว ซึ่งอาจเป็นอันตรายกรณีฝนตก ขณะที่ตัวอาคารมีรอยร้าวเช่นกัน นอกจากนี้ พบว่าระบบสาธารณูปโภคบางอย่างไม่มีจริงตามที่ทางโครงการเคยโฆษณาไว้ เช่น Lobby บริเวณโถงต้อนรับ Skywalk ทางเชื่อมโครงการอาคารชุดไปยังสถานีรถไฟฟ้าตลาดบางใหญ่ สระว่ายน้ำ ไฟฟ้าทางเข้าอาคารชุด เป็นต้น
“วันนี้ได้รับทราบความเดือดร้อนและได้เห็นสภาพจริงจากลูกบ้าน ซึ่งทาง สคบ. ไม่ได้นิ่งนอนใจ ปัจจุบันเรื่องที่ร้องเรียนดังกล่าวได้เข้าสู่คณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยเรื่องร้องทุกข์จากผู้บริโภคเรียบร้อยแล้ว พบว่าเจ้าของไม่ให้ความร่วมมือกับเรา ทาง สคบ. จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตาม และขอความร่วมมือเทศบาลเมืองบางรักพัฒนา ซึ่งอยู่ในพื้นที่ช่วยเป็นหูเป็นตา ขณะที่ สคบ. เองได้รวบรวมพยานแหลักฐาน เตรียมเข้านำเข้าสู่คณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภค และนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งท่านรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน หลังจากนั้นจึงจะสามารถดำเนินการฟ้องทางอาญาและทางแพ่งได้ ส่วนเรื่องของโครงสร้างอาคารทางเทศบาลเมืองบางรักพัฒนาและทางจังหวัดนนทบุรีได้ให้ความร่วมมือในการดำเนินการตรวจสอบต่อไป” นายวราวุธ กล่าว
ด้าน นายธสรณ์อัฑฒ์ กล่าวว่า ตอนนี้มีหลักฐานทั้งหมดที่สามารถเอาผิดผู้เป็นเจ้าของได้ ขอให้มั่นใจว่า สคบ. ดำเนินการตามกระบวนการทุกขั้นตอนตามลำดับ และไม่ได้นิ่งนอนใจต่อข้อร้องเรียนของผู้บริโภค ซึ่ง สคบ. เอง ได้มีหนังสือเรียกกรรมการบริษัทฯ มาพบเพื่อให้ถ้อยคำเรื่องดังกล่าวในวันที่ 28 กันยายน 2566 แต่บริษัทฯ ไม่ได้มาตามนัด จึงเป็นการขัดหนังสือเรียก มีความผิดตามกฎหมาย คดีอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคดีแพ่ง สคบ. ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยาน พร้อมไกล่เกลี่ย หาข้อยุติ และจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภคเร็วๆ นี้