X
อพวช. พบ 5 พันธุ์สัตว์ชนิดใหม่ของโลก พร้อมโชว์คลังสมบัติของชาติด้านธรรมชาติวิทยา

อพวช. พบ 5 พันธุ์สัตว์ชนิดใหม่ของโลก พร้อมโชว์คลังสมบัติของชาติด้านธรรมชาติวิทยา

31 ม.ค. 2567
2740 views
ขนาดตัวอักษร

31 ม.ค.67 - อพวช. เผยข่าวดี นักวิจัย “ค้นพบ 5 พันธุ์สัตว์ชนิดใหม่ของโลก” “แมลงหางหนีบเดินดงเมืองเหนือ – แมลงหางหนีบเดินดงเมืองจันท์ – แมลงหางหนีบเดินดงสยาม – มดชมภูพวง – มดท็อป” และพืชชนิดใหม่ของโลก “ดอกดินไข่ปลา” ตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานในวารสารระดับโลกสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย พร้อมโชว์คลังสมบัติของชาติด้านธรรมชาติวิทยา

องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM โดย ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผอ.อพวช. แถลงข่าว “การค้นพบพันธุ์พืช - สัตว์ชนิดใหม่ของโลก” ว่า ทีมนักวิจัยของ NSM ได้ค้นพบแมลงชนิดใหม่ของโลก 5 ชนิด ได้แก่


1.แมลงหางหนีบเดินดงเมืองเหนือ (Mongolabis chiangmaiensis Nishikawa & Jaitrong, 2023) ถูกค้นพบบนที่สูงทางภาคเหนือใน จ.เชียงใหม่

2.แมลงหางหนีบเดินดงเมืองจันท์ (Mongolabis chantha Nishikawa & Jaitrong, 2023) พบที่ จ.จันทบุรี

3.แมลงหางหนีบเดินดงสยาม (Mongolabis siamensis Nishikawa & Jaitrong, 2023) พบที่อ.ปัว จ.น่าน 


ทั้ง 3 ชนิดเป็นแมลงหางหนีบที่ไม่มีปีก จึงบินไม่ได้ แตกต่างจากกลุ่มอื่น ๆ ที่มีปีกบินสามารถบินได้ ตัวสีน้ำตาลถึงน้ำตาลดำ อวัยวะเพศผู้ค่อนข้างยาวกว่ากว้าง 


นอกจากจะเป็นแมลงหางหนีบชนิดใหม่ของโลกแล้วยังค้นพบชนิดที่รายงานครั้งแรกในประเทศไทยอีก 2 ชนิด ตัวอย่างต้นแบบ (Type specimens) ของแมลงทั้งสามชนิดถูกเก็บรักษาไว้ ณ คลังตัวอย่างแมลงที่ NSM ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบ่วา NSM  เก็บรวบรวมตัวอย่างของแมลงกลุ่มนี้ไว้มากที่สุดของประเทศอีกด้วย”


เมื่อเดือน ม.ค. 2567 ดร.วียะวัฒน์ ใจตรง นักวิชาการชำนาญการพิเศษ สำนักวิชาการพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา NSM ร่วมกับ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านแมลง กรมอุทยานฯ และอาจารย์จากมหาวิทยาลัยจำปาสัก ได้ค้นพบและตั้งชื่อมดชนิดใหม่ 2 ชนิดในสกุล Plagiolepis โดยได้ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกในวารสาร Fae Eastern Entomologist ฉบับที่ 492 หน้าที่ 1-14 เป็นฉบับแรกและเรื่องแรกของวารสารที่ตีพิมพ์ในปี 2567 ได้แก่ 


🐜 “มดชมภูพวง” จากประเทศไทย และ สปป.ลาว เพื่อเป็นเกียรติแก่ ผศ.ดร.นรินทร์ ชมภูพวง อาจารย์ประจำสาขากีฏวิทยาและโรคพืชวิทยา คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หัวหน้าทีมสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพแขวงจำปาสัก สปป. ลาว


และ 🐜 “มดท็อป” เพื่อเป็นเกียรติแก่นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและครอบครัวผู้สนับสนุนวงการอนุรักษ์ทรัพยากรชีวภาพของประเทศไทย 

โดยทั้งสองชนิดมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันคือหัวมีร่อง และลำตัวมีขนยาว แต่แตกต่างกันที่อกของมดท็อป มีผิวที่หยาบกว่ามดชมภูพวง”

 

นอกจากนี้ ยังได้ค้นพบ “ดอกดินไข่ปลา” ชื่อวิทยาศาสตร์ Kaempferia subglobosaNoppornch. & Jenjitt.  เป็นพืชวงศ์ขิง-ข่า (Zingiberaceae) สกุลเปราะหอม (Kaempferia L.) ได้รับการบรรยายลักษณะทางสัณฐานวิทยาและระบุให้เป็น “ดอกดินสกุลเปราะชนิดใหม่ของโลก” โดย ดร.ณัฐพล นพพรเจริญกุล นักวิชาการ กองวิชาการพฤกษศาสตร์ สำนักวิชาการพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา NSM ร่วมกับ ผศ.ดร.ทยา เจนจิตติกุล อาจารย์ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารพฤกษศาสตร์นานาชาติ Blumea - Biodiversity, Evolution and Biogeography of Plants (Q2) ปี 2567 ฉบับที่ 69 วันที่ 18 ม.ค.2567 ซึ่งดอกดินไข่ปลาเป็นพืชเฉพาะถิ่นของประเทศไทย (endemic to Thailand) ปัจจุบันพบกระจายพันธุ์ที่อ.บ้านตากและอ.สามเงา จ.ตาก เท่านั้น

“การค้นพบชนิดใหม่ของโลกเฉลี่ยแล้ว NSM ได้ทำการค้นพบสิ่งมีชีวิตในทุก ๆ ปี ซึ่งนำมาสู่ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ และผลงานหรืองานวิจัยเหล่านี้ถูกนำไปตีพิมพ์ให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับของนักวิชาการระดับนานาชาติสร้างชื่อให้กับประเทศไทย”


ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผอ. อพวช. กล่าวอีกว่า องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM มีบทบาทสำคัญต่อการศึกษาวิจัยด้านธรรมชาติวิทยาของประเทศไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางรวบรวมตัวอย่างทางธรรมชาติวิทยา NSM มีพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา ซึ่งเป็นศูนย์รวบรวมตัวอย่างทางธรรมชาติวิทยาจากทั่วโลก ทั้งตัวอย่างสัตว์สตัฟฟ์ Taxidermy ตัวอย่างแห้ง ตัวอย่างเปียก 


“ตัวอย่างเหล่านี้มีความสำคัญต่อการศึกษาวิจัยด้านธรรมชาติวิทยาเป็นอย่างมาก เพราะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ในการศึกษาวิวัฒนาการ ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ”


NSM ยังพร้อมให้บริการแก่นักวิจัยจากสถาบันการศึกษาและหน่วยงานต่าง ๆ ในการวิจัยด้านธรรมชาติวิทยา อพวช. และได้จัดให้มีการสัมมนาวิชาการและการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านธรรมชาติวิทยา เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างนักวิจัย เป็นศูนย์เผยแพร่ความรู้ด้านธรรมชาติวิทยา จัดแสดงผ่านพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาและพิพิธภัณฑ์พระรามเก้า 


ทีมนักวิจัย อพวช. โดยเฉพาะในด้านธรรมชาติวิทยาที่มีความเชี่ยวชาญและหลากหลาย ในการออกไปสำรวจ วิจัย จัดจำแนก การเก็บรักษาวัสดุตัวอย่างที่สำคัญและมีคุณค่า มาสร้างองค์ความรู้และถ่ายทอดไปสู่สังคม ซึ่งระยะเวลาที่ผ่านมาได้ดำเนินการศึกษาค้นพบสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ชนิดใหม่ของโลก ซึ่งผลงานหรืองานวิจัยเหล่านี้ถูกนำไปตีพิมพ์ให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับของนักวิชาการระดับนานาชาติอีกด้วย


ทั้งนี้ปัจจุบันเรามีศูนย์บริหารคลังตัวอย่างทางธรรมชาติวิทยาและสัตว์สตัฟฟ์ ที่มีความพร้อมทั้งองค์ความรู้ เจ้าหน้าที่ สถานที่ และคลังวัสดุตัวอย่างที่สมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่ง โดย NSM มีความเชี่ยวชาญการทำสัตว์สตัฟฟ์ด้วยเทคนิค Taxidermy ถือเป็นการผสมผสานวิทยศาสตร์กับศิลปะ เพื่อให้ผลงานออกมาเสมือนจริงมากที่สุด โดยเฉพาะกายวิภาคเฉพาะของสัตว์ชนิดนั้น ๆ ที่ใช้ในการคงสภาพร่างกายสัตว์หลังจากเสียชีวิตไปแล้ว ให้เก็บรักษาอยู่ได้นาน และยังคงลักษณะของสัตว์ไว้ได้เหมือนเดิมทุกประการ ซึ่งจะต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ไม่ให้ชำรุดเสียหาย จากความร้อน ความชื้น แมลง เชื้อรา หนูและแมลงสาบ ที่อาจทำความเสียหายต่อสัตว์สตัฟฟ์ได้ รวมถึงการตกแต่งลักษณะภายนอกให้ครบสมบูรณ์ ถูกต้อง และสวยงาม เหมือนกับการได้ชุบชีวิตสัตว์ตัวหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้วกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง 


สำหรับผลงานโดดเด่นในการสตัฟฟ์สัตว์ด้วยเทคนิค Taxidermy ของ อพวช. มีมากมาย ได้แก่ การสตัฟฟ์สัตว์ขนาดใหญ่ อาทิ ช้าง ยีราฟ หมีควาย เสือดำ เสือโคร่ง กวาง เพนกวิน พะยูน งูอนาคอนด้า ชิมแปนซี จระเข้ ม้าลาย รวมทั้ง การสตัฟฟ์ละมั่งหลอดแก้ว ให้กับสวนสัตว์เปิดเขาเขียว, การซ่อมแซมสัตว์สตัฟฟ์รุ่นเก่าจากสวนสัตว์ดุสิตซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนของไทย ได้แก่ กระซู่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร และนกแต้วแล้วท้องดำ 


นอกจากนี้ ยังมีพะยูนน้อย “น้องมาเรียม” ที่ได้รับมอบจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดย NSM เตรียมทำ Taxidermy เพื่อจัดแสดงและให้ประชาชนตระหนักและให้ความสำคัญกับทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมากยิ่งขึ้น ผลงานเหล่านี้ เราก็นำไปจัดแสดงผ่านนิทรรศการเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์สงวนรักษา 


ล่าสุด “ปลาออร์” (oarfish) หรือที่ถูกเรียกอีกชื่อคือ “ปลาพญานาค” เป็นปลาทะเลน้ำลึกตัวแรกที่จับได้ในทะเลสตูล ซึ่งถือเป็นรายงานแรกในทะเลไทย โดยมีการประสานจากสำนักงานประมงจังหวัดสตูล และถูกส่งต่อมาให้ NSM เพื่อนำมาเก็บรักษาเป็นสมบัติชาติ ซึ่งจะใช้เทคนิคการดองพร้อมเตรียมทำการศึกษาด้านอนุกรมวิธาน และจะถูกนำไปจัดแสดงผ่านนิทรรศการภายในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ในช่วงเดือนสิงหาคม 67 ต่อไป


ด้วยผลงานจากคลังตัวอย่างทางธรรมชาติวิทยาและสัตว์สตัฟฟ์ ที่ถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดีโดย NSM นำมาสู่การจัดแสดง นิทรรศการ “On the edge of Extinction : สู่สูญพันธุ์” ณ พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า ในการนำตัวอย่างสิ่งมีชีวิตที่มีความน่าสนใจมาประกอบการเล่าเรื่องซึ่งมีหลายชนิดที่เป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ อาทิ เนื้อสมัน หรือเชื่อว่าอาจจะสูญพันธุ์ไปแล้วเนื่องจากไม่มีการพบเห็นเป็นเวลานาน อาทิ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร กูปรี ปลาฉนากยักษ์ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงสิ่งมีชีวิตหายากอีกนับร้อยชนิด อาทิ เสือโคร่ง เสือดำ เสือลายเมฆ นกเงือกนานาชนิดเต่ามะเฟือง และจระเข้น้ำเค็มขนาดใหญ่ เป็นต้น


องค์ความรู้เหล่านี้จะทำให้ประชาชนได้เรียนรู้และเข้าใจความหลากหลาย ที่จะช่วยปลูกฝังแนวคิดให้คนไทยร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า และเสริมสร้างความตระหนักทางวิทยาศาสตร์และธรรมชาติวิทยาแก่ประชาชนในวงกว้าง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและการเรียนรู้ของคนในสังคม และเป็นมิติใหม่ของแนวทางการจัดนิทรรศการด้านธรรมชาติวิทยาของประเทศไทยและกลายเป็นสมบัติของประเทศชาติต่อไป อีกสิ่งสำคัญคือการได้สร้างการรับรู้ถึงบทบาทของ NSM ในด้านนี้ เพื่อหวังสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กและเยาวชนที่มีความสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นแนวทางสู่เส้นทางสายอาชีพของการเป็นนักธรรมชาติวิทยาสำหรับเยาวชนในอนาคต



อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)