17 มิ.ย.64 - งานวิจัยเผยเด็กหลุดออกนอกระบบหลังเปิดเทอมใหม่กว่า 6,500 คน เหตุต้นทุนการศึกษาสูงเกินแบกรับ โดยเฉพาะชุมชนแออัด กทม. พบหนี้นอกระบบเพิ่ม กู้เงินผ่อนมือถือเรียนออนไลน์ แนะรัฐออกมาตรการเร่งด่วน บูรณาการแก้ครัวเรือนยากจนในพื้นที่
ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กสศ. กล่าวว่า วิกฤตโควิด-19 ทำให้เกิดปรากฎการณ์ความยากจนที่ซ้ำซ้อน สะท้อนปัขญหาเชิงโครงสร้างและระบบเศรษฐกิจ ปีการศึกษา 2564 พบว่าจะมีเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา กว่า 6,500 คน คาดสิ้นปีนี้อาจเพิ่มถึง 65,000 คน แบ่งเป็นหลุดจากระบบมัธยมปลายมากสุดถึง 48% ทำให้โอกาสเข้ามหาลัยเหลือเพียง 8-10% แม้ กสศ. จะอุดหนุนช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษอยู่ที่ปีละ 3,000 บาท แต่ยังมีค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ประมาณ 2,058-6,034 บาท ทำให้การเรียนต่อเป็นไปไม่ได้
ขณะที่นโยบายการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวก็ใช้อัตราเดิมมา 10 กว่าปีไม่มีการปรับเพิ่ม ท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อ รายได้ลด หนี้นอกระบบเพิ่ม ดังนั้นจะต้องเร่งแก้ปัญหาจริงจัง โดยการปรับเงินอุดหนุนรายหัว ค่าเล่าเรียน และอุปกรณ์ให้สอดรับกับค่าใช้จ่ายจริง ไม่เช่นนั้นในภาคเรียนที่2 จะเห็นการหลุดจากระบบมากกว่านี้ และการดึงกลับมาเรียน แทบจะเป็นไปไม่ได้ ถือเป็นวิกฤติของประเทศอย่างแท้จริง
จึงขอเสนอให้มีการประนอมหนี้การศึกษา เรียนฟรีแบบไม่มีค่าเทอม และหาทางช่วยเหลือผู้ปกครอง เช่นโมเดลของจ.พิษณุโลก และภูเก็ตเป็นการทำงานเชิงรุก ในพื้นที่ป้องกันไม่ให้เด็กหลุดจากระบบ โดย กสศ.จะมีการประชุมบอร์ดเพื่อกำหนดทิศทางใน 3 ปีข้างหน้าในท่ามกลางวิกฤติโควิดที่ไม่ลดลง จะกำหนดบทบาทภารกิจอย่างไรเพื่อช่วยเหลือเยียวยา ครอบครัวเปราะบางยากจนให้ดียิ่งขึ้นให้ได้
ด้านนางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายกสมาคมสตรีสร้างสรรค์สังคมไทย โครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จ.ภูเก็ต กล่าวว่า โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเนื่องมาถึงครัวเรือนและเด็ก จากเคยเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับต้นของโลก ทำรายได้หลายแสนล้านบาท แต่เมื่อเกิดวิกฤติโควิดรายได้ต่อคนต่อเดือนของคนภูเก็ตเหลือเพียง 1,961 บาท จากเดิมอยู่ที่ 3.3หมื่นบาท ต่ำกว่าเกณฑ์คนจนของจปฐ. ซึ่งอยู่ที่ 3,000 บาท พ่อแม่ผู้ปกครองตกงาน 13-15% ขณะที่คนตกงาน ต้องกลับภูมิลำเนากว่า 50,000 คน ส่งผลคนที่เคยเรียนกศน. ลดน้อยลงมากจากหลักพันเหลือเพียง 170 คน และยังพบว่าเด็กหายไปจากระบบเมื่อวันเปิดเทอมที่ผ่านมา 10% ซึ่งยังมีกลุ่มที่มีโอกาสหลุดจากระบบในช่วงสิ้นภาคเรียนที่1 อีก ที่ยังต้องประเมินอีกครั้ง
ขณะที่เด็กหลายคนสอบติดโรงเรียนรัฐ ต้องวางเงิน 3,000 - 4,500 บาท หากไม่มีต้องถูกลบชื่อออก หรือเด็กบางคนเคยเรียน รร.เอกชน รร.นานาชาติ แต่ต้องลาออก ไปเรียน รร.รัฐ บางกรณียังค้างค่าเรียนออกก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้วุฒิการศึกษา ตนจึงสนับสนุนให้นำปัญหาการศึกษาเป็นวาระแห่งชาติ โดยภูเก็ตจะทำงานร่วมกับกสศ.เป็นแล็บทดลองแก้ปัญหาเรื่องนี้
โดยกระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรสนับสนุนเรื่องทุนเพิ่มเติม อย่าให้เด็กเสียโอกาสทางการศึกษาและควรมีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ให้แก่ รร.เอกชนด้วย ซึ่งทางจังหวัดได้ร่วมมือกับผู้ตรวจการแผ่นดิน พาเด็กก่อนที่จะหลุดจากระบบการศึกษาซึ่งพ่อแม่ตัดสินใจว่าจะไม่ส่งลูกเรียนต่อมาฝึกอาชีพเพื่อให้อย่างน้อยมีความรู้ ไม่ใช่แรงงานไร้ฝีมือ และนำไปต่อยอด ได้ในอนาคต
นายอนรรฆ พิทักษ์ธานิน หัวหน้าโครงการสนับสนุนองค์ความรู้และพัฒนาเครือข่ายครูและเด็กนอกระบบการศึกษาในกรุงเทพฯ กสศ. กล่าวว่า พื้นที่กทม. ผลกระทบรุนแรงกว่าพื้นที่อื่น ๆ คนจนส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบและภาคบริการ มีแนวโน้มภาระหนี้สินนอกระบบเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจากการศึกษา พบว่า ผู้ปกครองบางรายต้องไปกู้เงินนอกระบบเพื่อซื้อมือถือให้บุตรหลานเรียนออนไลน์ กลายเป็นหนี้ระยะยาวดอกเบี้ยสูง เกิดความตึงเครียดในครัวเรือน แนวโน้มในอีกสองเดือนอาจนำไปสู่การหลุดจากระบบการศึกษาหลายหมื่นคน ซึ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาสูงขึ้น
แนวทางแก้ปัญหาจะต้องช่วยเหลือทั้งด้านครัวเรือน เน้นไปยังกลุ่มเป้าหมายชุมชนแออัด ไซต์งานก่อสร้าง จะต้องทำให้เกิดการจ้างงาน ส่วน ความช่วยเหลือด้านการศึกษา มีทั้งการลดค่าใช้จ่ายภาคการศึกษา สนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง อุปกรณ์ ค่าเดินทาง ไปจนถึงการติดตามเฝ้าระวังเด็กที่จะหลุดจากระบบ
ดร.ภูมิศรัณย์ ทองเลี่ยมนาค นักเศรษฐศาสตร์การศึกษา กล่าวว่า จากข้อมูลระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พบว่ามีนักเรียนยากจนพิเศษ 1.17 ล้านคนหรือ 18% ของนักเรียนทั้งหมด ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายการศึกษาสูงกว่ากลุ่มครอบครัวที่รวย 4 เท่า
ปัญหาเด็กนอกระบบจึงไม่ใช่แค่ปัญหาการศึกษาแต่กระทบต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วย
นักเศรษฐศาสตร์จากยูเนสโก ประเมินว่าการที่ประเทศไทยแก้ปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษาได้จะสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมากกว่า 228,000 ล้านบาทต่อปี รายงานธนาคารโลกล่าสุด ยังระบุว่าการเข้าถึงวัคซีนเป็นตัวแปรสำคัญต่อสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำของประเทศต่างๆ เศรษฐกิจโลกขยายตัว 5.6% เร็วกว่าที่คาดไว้ 1.5% เพราะการมาของวัคซีน ในขณะที่ประเทศยากจนกำลังพัฒนาเศรษฐกิจทรุดลง คนจนเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจโตเพียง 2.9% ต่ำสุดในรอบ 20 ปี จะมีมากกว่า 100 ล้านคนที่กลายเป็น กลุ่มยากจนสูงสุด หรือ extream poverty ดังนั้น ควรเร่งการฉีดวัคซีนในครู ในเด็กหากทำได้ และในภาพรวม ควรฉีดให้ได้ 90% เพื่อการฟื้นกลับคืนทั้งทางเศรษฐกิจ การศีกษาโดยเร็ว เพราะจะทำให้สถานการณ์กลับเข้าสู่การฟื้นฟู และยิ่งเปิดเรียนเร็วเท่าไหร่ยิ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจเท่านั้น
รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ วุฒิสมาชิก ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำวุฒิสภา กล่าวว่ารัฐบาลควรผลักดัน ปัญหาการศึกษาให้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะข้อมูลจากธนาคารโลกชี้ว่าคนยากจนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นทุกปีจาก3.7ล้านคน ในปี 2562 เพิ่มเป็น 5.2ล้านคน ภายในหนึ่งปีเพราะปัญหาเศรษฐกิจและทับถมจากปัญหาโควิด เป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะ แสดงความรับผิดชอบต่อประเทศ จึงเสนอแนวคิด การตั้งกองทุนหมุนเวียนการศึกษา 50,000 ล้านสำหรับคนยากจนที่รัฐบาลมุ่งเป้าไปเลยว่าครอบครัวไหนยากจน เข้าไม่ถึงการศึกษาจริง เป็นเวลาที่ดีมากที่รัฐบาลจะสำรวจตัวเลขได้ออกมาชัดเจนว่า77 จังหวัดมีจำนวนครัวเรือนยากจนได้รับผลกระทบเท่าไหร่ เพื่อรัฐบาลจะได้พุ่งเป้าทำงานกับคนเหล่านี้และ ต้องสร้างพันธมิตรระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ผู้ว่าฯองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน สถานศึกษา ภาคประชาสังคม มาร่วมเป็นกรรมการช่วยดูแลในแต่ละจังหวัดของตัวเอง และรัฐบาลจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็น เช่น ให้งบประมาณเดือนละ 5 หมื่นล้าน ตลอด 1 ปี รวมประมาณ 6 แสนล้านบาทต่อปี คาดว่าประมาณปี 2566 รัฐบาลจะคลี่คลายปัญหาดังกล่าวได้ เศรษฐกิจภาพรวมของโลกและประเทศไทยดีขึ้น