ข่าวพระภิกษุฉันน้ำปัสสาวะ อ้างว่าเป็นยา มีลูกศิษย์ลูกหาเชื่อตาม อ้างพุทธบัญญัติ ว่าพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ฉันได้จริงๆ แล้วสิ่งที่พระพุทธเจ้า อนุญาต เรียกว่า ยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า น้ำมูตรเน่าคืออะไร ? ฉันแล้วรักษาโรคได้จริง?
น้ำมูตร มาจาก คำในภาษาบาลีว่า ปูติมุตตะ น้ำมูตร คือ น้ำปัสสาวะ ของคน ใจความในพระไตรปิฎก ตอนหนึ่ง ระบุว่า ใช้ปัสสาวะของวัว ก็ได้
ไม่ได้อ้างมั่วๆ ใจความนี้อ้างจาก ปรมัตถทีปนี อรรถกถาอิติวุตตกะ หน้า 504 (จตุกกนิปาตวัณณนา) และ ปปัญจสูทนี ภาค 2 อรรถกถามัชฌิมนิกาย หน้า 625 (มหาธัมมสมาทานสุตตวัณณนา)
อ่านถึงตรงนี้อย่านึกว่า เอาปัสสาวะมาดื่มเลยไม่ใช่ เพราะ ยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า ที่ถูกคือ ยา ที่เกิดจากการดอง ผลไม้ ในน้ำมูตร ขั้นตอนการดองและการใช้น้ำมูตร ที่ถูกคือ ใครทำยาใช้น้ำมูตรของคนนั้น เรียกง่ายๆ ทำเอา กินเอง การใช้ น้ำมูตรต้องไม่รับฉันอาหารที่มีกลิ่นแรงแสลงโรค และเลือกใช้ น้ำแรกที่ตื่นขึ้น ริงเก็บไว้ แล้วกรองเอาไปดองกับผลไม้ เมื่อครบเวลากำหนดก็เอามากรอง ดื่ม ไม่ใช่ตื่นมาปัสสาวะใส่ขวดแล้วกระดกเลย
การฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า นิสัย 4 อย่างที่พระควรปฏิบัติ นิสัย 4 คือ 1. เที่ยวบิณฑบาต 2. อยู่โคนต้นไม้ 3. นุ่งห่มผ้าบังสุกุล และ 4. ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องนี้ไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย เมื่อพวกเธออาพาธไม่สบาย จงทำยาดองด้วยลูกมะขามป้อมและลูกสมอ โดยพวกเธอนำลูกมะขามป้อมและลูกสมอมาทุบให้แตกแล้วใส่ลงในภาชนะและถ่ายปัสสาวะลงไปในภาชนะนั้น แช่ไว้ประมาณ 7 วัน แล้วก็เอามาฉัน อาพาธของเธอก็จะหาย”
ยาดองด้วยน้ำมูตรเน่าที่ผู้เขียนเคยเห็น เป็นของพระป่า ท่านหนึ่ง ท่านให้ดูเป็นความรู้ (และผู้เขียนขอลองดม) ซึ่งแปลกมากที่ยาที่ดองแล้ว จะไม่ฉุน ไม่เหม็น เพราะกลิ่มของ มะขามป้อมและสมอ จะเข้าไปอยู่ในน้ำ กลายเป็นยา การฉันก็ฉันทั้งน้ำและกาก ท่นก่อนอาหารครั้งละประมาณถ้วยตะไลหรือ 8 - 10 ช้อนชา ความจริงข้อนึงคือ คนทั่วไปทำกินรักษาโรคได้
ทำไมต้องมะขามป้อม มะขามป้อม รสฝาดเปรี้ยว แก้เสมหะ ทำให้ชุ่มคอดี แก้ไข้ สมอไทยอ่อน รสเปรี้ยว แก้โลหิตในท้อง แก้น้ำดี แก้เสมหะ ระบายอุจจาระ สมอไทยแก่ รสเปรี้ยวฝาดขม แก้ไข้เพื่อลม แก้เสมหะ แก้ไข้เพื่อเสมหะ
จริงๆยาดองด้วยน้ำมูตรเน่ารักษาโรคได้มากกว่าที่คิด และมีสรรพคุณจริง แต่ต้องทำให้ถูกหลักการ ไม่ใช่รู้ครึ่งๆกลางๆผิดๆถูก ปัสสาวะใส่ขวดแล้วกระดกอึกๆๆ ไม่ใช่ครับ