X
รพ.บำรุงราษฎร์ โชว์เทคโนโลยี แก้มีบุตรยาก

รพ.บำรุงราษฎร์ โชว์เทคโนโลยี แก้มีบุตรยาก

24 ก.พ. 2566
2060 views
ขนาดตัวอักษร

ภาวะมีบุตรยาก’ ถือเป็นปัญหาสังคมไทยที่กระทบต่อโครงสร้างประชากรของประเทศ จากข้อมูลกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย รายงานว่าปี 2565 มีจำนวนเด็กเกิดใหม่ 502,107 ราย ลดลง 7.79% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีเด็กเกิดใหม่544,570 ราย โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีสถิติเด็กเกิดใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง 

 

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ตระหนักถึงปัญหาภาวะมีบุตรยาก และเห็นความสำคัญของการสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ โดยมีคลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก ที่พร้อมดูแลและให้คำปรึกษาเพื่อการมีบุตรด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์อย่างครบวงจร 

 

รศนพนพดล สโรบล หัวหน้าศูนย์สูติ-นรีเวช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า เรามีคลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก เปิดให้บริการมากว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งเราทำในสิ่งที่ถูกต้องและมีจริยธรรมมาโดยตลอด เรามีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านเวชศาสตร์เจริญพันธุ์และแพทย์ด้านเวชพันธุศาสตร์ รวมถึงทีมบำบัดพิเศษทารกแรกเกิด (NICU) ที่มีประสบการณ์สูงมากสามารถดูแลในทุกกระบวนการตั้งแต่แรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายจนลูกรอดปลอดภัย ซึ่งหากระหว่างการรักษาหรือระยะตั้งครรภ์ คนไข้มีโรคแทรกซ้อน เช่น เบาหวาน ความดันสูง ก็สามารถให้แพทย์ชำนาญการในโรงพยาบาลได้อย่างทันท่วงทีโดยเน้นความปลอดภัยของคนไข้เป็นสำคัญ  

 

รศนพชาติชัย ศรีสมบัติ สูติแพทย์ ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์และการผ่าตัดด้วยกล้อง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ภาวะมีบุตรยากเกิดจากหลายสาเหตุ อายุของฝ่ายหญิงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีลูกยาก แต่อายุไม่ใช่ปัจจัยเพียงอย่างเดียว ยังมีภาวะอื่นๆ ร่วมด้วย อาทิ ภาวะมดลูกที่มีความผิดปกติ เยื่อบุโพรงมดลูกมีเนื้องอกที่ผิดปกติ มีซีสที่รังไข่ มีช็อกโกแลตซีส หรือว่าเคยผ่าตัดที่รังไข่มาก่อน หรือหากฝ่ายชาย ก็ต้องดูจำนวนอสุจิ การเคลื่อนไหวของอสุจิ รวมถึงรูปร่างของอสุจิ โดยเราจะให้คำแนะนำและการรักษาโดยพิจารณาวิธีการที่เหมาะสมที่สุดกับผู้ป่วยแต่ละราย ด้วยการคำนึงถึงข้อจำกัดทางด้านสุขภาพ โรคประจำตัวหรือโรคทางพันธุกรรม รวมถึงให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการตัดสินใจมากที่สุด

 

พญณหทัย ภัคธินันท์ สูติแพทย์ ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้การทำเด็กหลอดแก้วให้ประสบความสำเร็จ นอกจากทีมแพทย์ชำนาญการเฉพาะทางที่มีความสามารถและประสบการณ์สูงและสหสาขาวิชาชีพแล้ว ปัจจุบันยังมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้การทำเด็กหลอดแก้วมีอัตราความสำเร็จเพิ่มมากขึ้น อาทิเทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์ความผิดปกติของโครโมโซมตัวอ่อน ซึ่งเป็นการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมของตัวอ่อน โดยการสุ่มดูดเซลล์ของตัวอ่อนที่ได้รับการปฏิสนธิแล้วมาตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรมก่อนที่จะทำการย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูก รวมถึงมาตรฐานความสะอาดของห้องเพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่สูงกว่ามาตรฐาน US Federal Regulations ที่กำหนดไว้ ถึง 100 เท่า ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บำรุงราษฎร์มีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์จากการทำ IVF ในปี 2563 – 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 70-90% ในช่วงกลุ่มอายุน้อยหรือเท่ากับ 35 ปี จนถึงมากกว่า 42 ปี และเฉลี่ยอยู่ที่ 90% ในกลุ่มผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ปี

 

ผศนพพลกฤต ทีฆคีรีกุล แพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชพันธุศาสตร์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ที่บำรุงราษฎร์มีการให้บริการตรวจยีนก่อนการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยเฉพาะคู่ที่วางแผนกำลังจะมีบุตร เพราะสามีภรรยาอาจไม่มีใครรู้ว่าตัวว่ามียีนที่ผิดปกติ หรือเป็นพาหะหรือไม่ และหากแต่งงานกับคนที่เป็นพาหะด้วยกัน ทำให้ลูกมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคทางพันธุกรรมโรคนั้นๆ ได้ถึง 25% ซึ่งเทคโนโลยีการตรวจยีนจะสามารถตรวจได้มากกว่า 600 ยีนหรือประมาณ 300 กว่าโรค รวมถึงโรคที่พบได้บ่อยได้คนไทย เช่น โรคธาลัสซีเมีย รวมไปถึงโรคร้ายแรงอื่นๆ เช่น โรคมะเร็งและโรคหัวใจเป็นต้น ซึ่งในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว จะทำให้สามารถคัดเลือกตัวอ่อนที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันโรคร้ายบางชนิดที่อาจถ่ายทอดทางพันธุกรรมไปสู่ลูกได้ ปัจจุบันการตรวจยีนก่อนการตั้งครรภ์ มีความสะดวกมากขึ้นและตรวจแค่ครั้งเดียวในชีวิตตรวจได้ทั้งวิธีการเจาะเลือดหรือเก็บตัวอย่างน้ำลาย ประมาณ 3-4 สัปดาห์ก็จะทราบผล ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงที่ลูกจะเกิดมาเป็นโรคทางพันธุกรรม

 

ปิดท้ายด้วย ผศพญชนัญญา ตันติธรรม สูติแพทย์ ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์กล่าวว่า สำหรับคนที่วางแผนจะมีลูกในอนาคต แต่ปัจจุบันยังไม่แต่งงาน หรือยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ในตอนนี้ ซึ่งการฝากไข่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ลูกเกิดมาสุขภาพแข็งแรงได้ เนื่องจากเมื่อผู้หญิงมีอายุมากขึ้น ปริมาณและคุณภาพของเซลล์ไข่ก็จะลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะอายุมากกว่า 35 ปี มีโอกาสเกิดภาวะมีบุตรยาก เพิ่มภาวะแท้งบุตร และเสี่ยงต่อภาวะเด็กมีโครโมโซมผิดปกติ ดังนั้นการแช่แข็งไข่เป็นทางเลือกของผู้ที่ต้องการมีบุตรในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น ภรรยามาฝากไข่ ตอนอายุ 32 ปี แต่พร้อมจะมีบุตรตอนอายุ 38 ปี ไข่ที่ถูกแช่แข็งไว้ก็จะละลายออกมาใช้เมื่อพร้อม ซึ่งคุณภาพเซลล์ไข่ก็จะมีคุณภาพและความสมบูรณ์ใกล้เคียงกับอายุตอนที่มาฝากไข่ ซึ่งหากเซลล์ไข่ที่มีคุณภาพก็จะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้ด้วยเช่นกัน

 

Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)