X
อัปเดต ภาพน่าเอ็นดู “น้องขวัญ” ลูกเสือโคร่ง (รวมคลิป)

อัปเดต ภาพน่าเอ็นดู “น้องขวัญ” ลูกเสือโคร่ง (รวมคลิป)

11 เม.ย 2565
1580 views
ขนาดตัวอักษร

มาแล้ว..คลิปฯด่วน ๆ วันนี้ (11 เม.ย. 2565) กับภาพน่าเอ็นดู “น้องขวัญ” ลูกเสือโคร่ง ที่เฟซบุ๊ก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้อัปเดต คลิปภาพล่าสุดของวันนี้ และคลิปวันหยุดพักผ่อน ที่พาไปแอบดูน้องขวัญ ลูกเสือโคร่งน้อย ตอนพี่เลี้ยงป้อนนม กับรวมภาพน่ารัก ๆ ในอิริยาบถ ..น่าเอ็นดู...

จากเฟซบุ๊ก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่เปิดคลิป “น้องขวัญ” ลูกเสือโคร่ง อาการดีขึ้น กินนมเก่ง ร่าเริงสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่คอยดูแลใกล้ชิด ซึ่งมีที่มาจาก : เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก (3 คลิป)



เอ็นดู ป้อนนม “น้องขวัญ” กินนมเก่ง
https://www.facebook.com/watch/?v=389850196294325

หนูอิ่มแล้ว.. ขอนอนพักก่อนนะค่ะ
https://www.facebook.com/watch/?v=1429370660910240

ท่าจะสนุก กับการเล่นผ้าสีชมพู
https://www.facebook.com/watch/?v=776510769993496



ส่วนเมื่อวันอาทิตย์ ที่ผ่านมา (10 เม.ย. 2565) วันหยุดพักผ่อนแบบนี้ ทางเฟซบุ๊ก ส่วนประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้โพสต์คลิปฯ อัปเดตความน่ารัก ที่จะพาไปแอบดูน้องขวัญ ลูกเสือโคร่งน้อย ตอนพี่เลี้ยงป้อนนม กับภาพน่ารัก ๆ ..น่าเอ็นดู.. จากเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก

คลิปแอบ..เอ็นดู “น้องขวัญ” ในวันหยุดพักผ่อน
https://www.facebook.com/watch/?v=394788928831789



และคืบหน้า (ล่าสุดของวันนี้ เช่นกัน) ...การดูแล "น้องขวัญ" ลูกเสือโคร่งของกลางทางคดี
11 เมษายน 2565 นายสุรศักดิ์ อนุเมธางกูร หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดเผยเกี่ยวกับอาการ และการดูแล ลูกเสือโคร่ง "น้องขวัญ" ว่า อาการทั่วไป ยังมีน้ำมูกเล็กน้อย มีอาการจามในบางช่วง ไม่มีไข้ บริเวณเหงือก ลิ้น และช่องปาก มีสีชมพูอ่อน กินนมเก่ง กินนมได้ปริมาณ 6-10 ออนซ์ ต่อมื้อ โดยกินนมทุก 2-4 ชั่วโมง/มื้อ นมที่กินจะเป็นนมทดแทนสำหรับลูกแมว ชนิด KMR การขับถ่ายยังคงถ่ายเหลว สัตวแพทย์ให้กินยาฆ่าเชื้อต่อเนื่องต่อไป

คลิป.. น้องขวัญ อวดลีลา..เล่นยอกล้อ..คนถ่ายภาพ.. ดูแข็งแรงขึ้น
https://www.facebook.com/watch/?v=314488447473003




นอกจากนี้ ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีข่าวดี... มาเชิญชวนผู้ใหญ่ใจดี และน้อง ๆ ใจบุญ มาร่วมบริจาคเป็นพ่อแม่อุปถัมภ์น้อง ๆ สัตว์ป่า ตาม “โครงการพ่อแม่อุปถัมภ์ฯ” ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธ.ค. 65

โดย นายเผด็จ ลายทอง ผู้อำนว​ยการ​สำนัก​อนุรักษ์​สัตว์ป่า เปิดเผย​ว่า​ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดโครงการพ่อแม่อุปถัมภ์สัตว์ป่า ในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า และศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่า เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอก ได้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาคุ้มครอง ทรัพยากรสัตว์ป่าของชาติให้คงอยู่ เพิ่มจิตสำนึกเน้นคุณค่าชีวิตสัตว์ป่า และปลูกฝังให้ประชาชน มีเมตตาต่อสัตว์ป่า รวมไปถึงเป็นการสนับสนุน การให้บริการ หรือสงเคราะห์สัตว์ป่า ให้ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องเหมาะสม เป็นไปตามหลักสุขาภิบาลสัตว์ตลอดอายุขัย

ปัจจุบัน กรมอุทยานแห่งชาติฯ มีความพยายามถนอมรักษา สัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ ให้คงอยู่ไม่ให้สูญพันธุ์ โดยเป็นการดำเนินการอนุรักษ์ ภายในถิ่นที่อยู่อาศัย ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า อุทยานแห่งชาติ และป่าสงวนแห่งชาติ รวมไปถึงการดูแลสัตว์ป่า ในกรงเลี้ยง ซึ่งเป็นสัตว์ป่า ที่ทำการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ เพื่อปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ สัตว์ป่าของกลาง ที่ได้รับมาจากการตรวจยึด จับกุม หรือสัตว์ป่าพลัดหลง และสัตว์ป่าที่ได้รับส่งคืน จากผู้ได้รับใบอนุญาตครอบครอง รวมไปถึงสัตว์ป่า จากการยกเลิกกิจการสวนสัตว์

ซึ่งสัตว์ป่าดังกล่าว อยู่ในความดูแลของ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า และศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่า ซึ่งนอกจาก จะเป็นหน่วยงานที่รับดูแลสัตว์ป่าแล้ว ยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป ได้เข้ามาศึกษา และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สัตว์ป่าอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จึงขอเชิญหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กร มูลนิธิ บริษัท กลุ่มบุคคล หรือบุคคลทั่วไป ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการช่วยเหลือเป็น พ่อแม่อุปถัมภ์สัตว์ป่า ในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า และศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่า โดยการโอนเงินบริจาค เข้าบัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน เลขที่บัญชี 980-216-5379 ชื่อบัญชีโครงการพ่อแม่อุปถัมภ์สัตว์ป่า ในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า เพื่อนำมาเป็นค่าอาหาร ค่าปรับ​ปรุง​ซ่อมแซม​กรงเลี้ยง​ หรือปรับภูมิ​ทัศน์​กรงเลี้ยง​ ซึ่งการรับบริจาคดังกล่าว ได้รับการอนุญาตจาก คณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ (กคร.) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา และมีระยะเวลาการรับบริจาค ถึงวันที่​ 31 ธันวาคม​ 2565




สำหรับสถานที่เลี้ยงสัตว์​ป่า ในโครงการมี​ทั้งสิ้น 26 แห่ง ได้แก่

1. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าช่องกล่ำบน จังหวัดสระแก้ว

2. สถานีเพาะเลี้ยงนกน้ำบางพระ จังหวัดชลบุรี

3. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบางพระ จังหวัดชลบุรี

4. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบางละมุง จังหวัดชลบุรี

5. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี

6. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน จังหวัดราชบุรี

7. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย จังหวัดเพชรบุรี

8. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าพังงา จังหวัดพังงา

9. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าโตนงาช้าง จังหวัดสงขลา

10. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าพัทลุง จังหวัดพัทลุง

11. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าโคกไม้เรือ จังหวัดนราธิวาส

12. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ

13. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด

14. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น

15. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจุฬาภรณ์ จังหวัดศรีสะเกษ

16. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี

17. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

18. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าดอยตุง จังหวัดเชียงราย

19. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าแม่ลาว จังหวัดเชียงราย

20. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าแม่จัน จังหวัดเชียงราย

21. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าอมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่

22. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยยางปาน จังหวัดเชียงใหม่

23. สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าปางตอง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

24. ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 1 (นครนายก)

25. ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่)

26. ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 3 (ประทับช้าง)


#หมายเหตุ : สำหรับการขอใบเสร็จ ส่งหลักฐานการโอนเงิน พร้อมระบุชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทร อีเมล และรายละเอียดของการบริจาค มาที่ :
+ E-mail : wbd1680@gmail.com
+ โทร / แฟกซ์(โทรสาร) 025799630
เพื่อทางกลุ่มงานเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า จะได้ส่งใบเสร็จกลับไปให้

#ชี้แจง : กรณีลดหย่อนภาษี ตามหนังสือกรมสรรพากร

เรื่อง การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล "โครงการพ่อแม่อุปถัมภ์สัตว์ป่าฯ"

1. กรณี #บุคคลธรรมดา ได้บริจาคเงินให้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช

เนื่องจาก กรมอุทยานฯ เป็นส่วนราชการในสังกัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่เข้าลักษณะเป็นสถานพยาบาล สถานศึกษาของทางราชการ องค์การ หรือสถานสาธารณกุศล ตามมาตรา 47(7)(ก) และ(ข) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น ผู้บริจาค #ไม่มีสิทธิ์นำเงินบริจาค ไปหักลดหย่อน ในการคำนวณเงินได้สุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 47(7)(ก) และ(ข)


2. กรณี #บริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้บริจาคเงินให้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช

เข้าลักษณะเป็นรายจ่าย เพื่อสาธารณประโยชน์ การส่งเสริม อนุรักษ์ และรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสงวน และสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามกฎหมายว่า ด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ได้บริจาคเงิน #มีสิทธินำเงินบริจาค มาหักเป็นรายจ่าย ในการคำนวณเงินกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล #ในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ

ตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ (11) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 44) เรื่อง กำหนดรายจ่าย เพื่อการสาธารณประโยชน์ รายจ่ายเพื่อการศึกษา และรายจ่ายเพื่อการกีฬา ตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2535


อ้างอิง และขอบคุณข้อมูล จาก :

เฟซบุ๊ก : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
https://www.facebook.com/DNP1362

เฟซบุ๊ก : ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
https://www.facebook.com/prhotnews02


อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)