จากการที่หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฑโฒ ได้เดินจาริกธุดงค์จากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ขึ้นมาทางภาคกลาง ภาคเหนือ และเข้าสู่ภาคอีสาน ผ่าน 24 จังหวัด มีกำหนดสิ้นสุดที่จังหวัดนครพนม รวมระยะทางกว่า 3,400 กิโลเมตร ซึ่งเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2566 ได้เดินเข้าสู่ภาคอีสาน ด้านอำเภอนาแห้ว จ.เลย และได้เดินเลาะเลียบแม่น้ำเหือง ชายแดนไทย-ลาว ผ่านพื้นที่อำเภอด่านซ้าย อำเภอท่าลี่ ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด อุณหภูมิ 36-38 องศาเซลเซียส
ขณะที่หลวงตาบุญชื่นเดินอยู่ในพื้นที่บ้านปากห้วย ต.หนองผือ อ.ท่าลี่ เริ่มมีอาการอ่อนเพลียหลายครั้ง ลูกศิษย์คณะผู้ติดตามจึงตรวจวัดค่าความเข้มข้นของโลหิตอยู่ที่ 26% ซึ่งตามเกณฑ์มาตรฐานทางการแพทย์ ค่าความเข้มข้นโลหิตของเพศชายจะอยู่ที่ 36-40 %
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2566 ช่วงสาย หลวงตาบุญชื่นได้เดินเท้าจากวัดอินทาราม บ้านปากห้วย ต.หนองผือ อ.ท่าลี่ ไปยังโรงพยาบาลท่าลี่ เพื่อเข้ารับการปรับค่าความเข้มข้นของโลหิต โดยมีประชาชนจำนวนมากที่เลื่อมใสศรัทธามาคอยถวายน้ำดื่มและขอรับพร ซึ่งหลวงตาบุญชื่น จะพักรักษาอาการอาพาธอยู่ที่โรงพยาบาล 1 คืน แล้วจะเดินธุดงค์ต่อในวันพรุ่งนี้ ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2115 หรือถนนสายเลย-ท่าลี่ เพื่อมุ่งหน้าไปพื้นที่อำเภอปากชม แล้วเข้าในพื้นที่อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานีต่อไป
ทั้งนี้ ตลอดระยะทางที่หลวงตาบุญชื่นเดินจาริกธุดงค์ในครั้งนี้ ได้มีอาการความเข้มข้นของโลหิตลดต่ำลงกว่าปกติ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมาแล้ว 2 ครั้ง ที่จังหวัดอุทัยธานี และจังหวัดอุตรดิตถ์