กรมการแพทย์ แนะดูแลสุขภาพดวงตาในฤดูฝน ในกลุ่มผู้มีอาการเป็นภูมิแพ้อากาศขึ้นตา เยื่อบุอักเสบ ตาแดง ไม่ควรมองข้าม อาจติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และภูมิแพ้ หากมีอาการตาแดงผิดปกติ ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที
ในช่วงหน้าฝน ที่มีสภาพอากาศอับชื้นและเย็นลง ซึ่งเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อโรค หากเป็นผู้ที่มีภูมิต้านทานไม่แข็งแรง ไม่เพียงแต่เสี่ยงกับโรคระบบทางเดินหายใจ หรือโรคทางผิวหนังแล้ว ดวงตาก็มีความเสี่ยงเช่นกัน โดยเฉพาะ “โรคตาแดง” ระบาดได้บ่อย เมื่อเข้าสู่ฤดูกาลหน้าฝน โรคตาแดงมักระบาด เพราะเมื่อฝนตก น้ำฝนจะไปชะล้างฝุ่นละออง ที่อยู่ตามอาคาร หลังคา ตามรั้วต่างๆ และอาจกระเด็นมาสู่ตาเราได้ ซึ่งน้ำที่ท่วมขัง ก็อาจจะมีเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย เมื่อน้ำที่สกปรกกระเด็นเข้าตา ก็จะเกิดการติดเชื้อไปอย่างรวดเร็ว อาการรุนแรงที่สุดจะมีอาการอักเสบ เคืองตาอย่างรุนแรง ตามัว หากมีปัญหากับดวงตา หรือมีอาการผิดปกติควรพบจักษุแพทย์ “โรคตาแดง” จะมีอาการภายใน 1-2 วัน และมีระยะติดต่อ ไปยังผู้อื่นประมาณ 14 วัน
อาการของโรคตาแดง คือ
1. เกิดอาการตาขาว มีสีแดงเรื่อๆ ระคายเคือง แสบตา น้ำตาไหล มีขี้ตามากกว่าปกติ เช่น โรคตาแดง ที่อาจเกิดจากน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา มือที่เปื้อนสิ่งสกปรก ไปสัมผัสโดนดวงตา
3. หากเกิดจากติดเชื้อไวรัส หนังตาจะบวม น้ำตาไหลมาก ต่อมน้ำเหลืองกกหูบวม ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก
4. หากติดเชื้อแบคทีเรีย ตาจะแพ้แสง มีขี้ตาสีเขียว หรือสีเหลือง มีน้ำตาไหล ตาแฉะ มองเห็นไม่ชัด
5. หากเกิดจากการแพ้ จะรู้สึกคันตา แสบตา มีน้ำตาไหล
วิธีการป้องกันโรคตาแดง
1. ควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วย
2. งดใช้ของร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผ้าเช็ดหน้าผ้าเช็ดตัวป้องกัน
3. หลีกเลี่ยงฝุ่นละออง หรือน้ำสกปรกเข้าตา รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำในระยะการระบาดของโรคตาแดง
4. ดูแลรักษาความสะอาด ล้างมือให้สะอาด เลี่ยงการเอามือไปสัมผัสดวงตาบ่อยๆ
5. ไม่อยู่ในพื้นที่แออัด เช่น รถสาธารณะ เป็นต้น หากจำเป็นควรสวมแว่นกันแดด กันฝุ่น กันลมช่วย
6. ระวังไม่ให้แมลง หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าตา
ส่วนการรักษาโรคตาแดงนั้น หากมีอาการตาแดง ควรพักผ่อน ลาหยุดงานจนกว่าจะหาย เพื่อลดการระบาดของโรค และสามารถใช้น้ำตาเทียมช่วย หากมีอาการระคายเคืองตามาก ควรพบจักษุแพทย์เพื่อรักษาต่อไป