X
ผ้าคราม “ดอนกอยโมเดล” โชว์ผ้าไทยสู่เวทีโลก APEC2022

ผ้าคราม “ดอนกอยโมเดล” โชว์ผ้าไทยสู่เวทีโลก APEC2022

14 พ.ย. 2565
1020 views
ขนาดตัวอักษร

14 ..65 - ส่งผ้าครามไทย “ดอนกอยโมเดล” โชว์เคสในงานประชุมระดับโลก APEC2022 สะท้อนแนวคิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยอย่างยั่งยืน


ที่บริเวณ foyer ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ .รัชดาภิเษก เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ส่วนหนึ่งของสถานที่จัดงานประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC2022 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 19 พฤศจิกายน 2565 นายสุทธิพงษ์จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เยี่ยมชมนิทรรศการ “ดอนกอยโมเดล” หนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทย ที่จะได้นำเสนอการอนุรักษ์สืบสานภูมิปัญญาวัฒนธรรมด้านเครื่องแต่งกายของคนไทยสู่เวทีโลก สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) โครงการที่กระทรวงมหาดไทย และสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้น้อมนำพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มาขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนกลุ่มทอผ้าบ้านดอนกอย .พรรณานิคม .สกลนคร 


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า “ดอนกอยโมเดล” ถือเป็นความสำเร็จของการส่งเสริมพัฒนาชาวบ้านผู้ประกอบการทอผ้าให้ได้มีทักษะในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาด จนส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในวันนี้ได้ ด้วยพระมหากรุณาของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงมุ่งมั่นในการแบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ด้วยทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง 


หากเราย้อนกลับไปเมื่อปี 2513 พระองค์ได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเยี่ยมเยียนราษฎรตามจังหวัดต่าง  โดยทรงทอดพระเนตรเห็นผู้มาเฝ้ารับเสด็จมีความเดือดร้อนทุกข์ยากจากสถานการณ์อุทกภัยและผลผลิตทางการเกษตรทุกตกต่ำ จึงทรงครุ่นคิดว่าจะทำยังไงให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น กระทั่งในปี 2515 พระองค์ทรงพบว่าประชาชนมีฝีไม้ลายมือในการทอผ้าได้อย่างวิจิตร งดงาม สืบทอดภูมิปัญญาผ้าไทยจากบรรพบุรุษ 


พระองค์จึงทรงใช้หัตถกรรม หัตถศิลป์ดังกล่าว เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตพี่น้องเกษตรกรที่อยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ ด้วยการทรงจัดตั้งศูนย์ศิลปาชีพ และทรงมีพระดำรัส “ขาดทุนคือกำไร : Our loss is Our gain” กำไรในที่นี้ คือ คุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน โดยได้ทรงค้นพบสิ่งที่เป็นคุณูปการต่อประเทศชาติ นั่นคือ “อัจฉริยภาพของฝีมือคนไทย” ที่เป็นมืออันมหัศจรรย์ ทำอาหารก็อร่อย ทำงานหัตถศิลป์หัตถกรรมก็วิจิตรบรรจง 


นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเข้ามาสืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผ่านแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ด้วยทรงพระราชทานองค์ความรู้ตามหลักวิชาการด้านศิลปกรรม โดยไม่ละทิ้งภูมิปัญญาดั้งเดิมเก่าก่อน ด้วยการพัฒนาต่อยอดสี ลวดลาย เทคนิค เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ผ้าเป็นที่สนใจ เป็นที่ถูกอกถูกใจของคนไทยทุกเพศทุกวัยรวมถึง Global ไปถึงประเทศต่าง  ทั่วโลก 


ด้วยการทรงปลุกเร้ากระตุ้นให้ผู้ทอผ้าได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยทรงนำวิชาศิลปะแฟชั่นตะวันตก นำผ้าไทยไปสู่ตลาดโลกที่ไร้พรมแดน และการใช้สีธรรมชาติในการย้อมผ้าเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงประยุกต์เป็นข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าที่ทันสมัย 


ซึ่งที่ “บ้านดอนกอย .พรรณานิคม .สกลนคร” หากย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน (วันที่ 15 พฤศจิกายน 2563) ภาพที่ผู้คนจดจำ คือ ภาพที่พระองค์ได้เสด็จลงไปเยี่ยมชาวบ้านถึงใต้ถุนบ้านเก่า  พื้นที่เต็มไปด้วยดินแดง มีหยากไย่อยู่ข้างฝาบ้าน ไปเห็นกี่ทอผ้า ลงไปคลุกคลี ไปพระราชทานคำแนะนำถึงชุมชน โดยทรงโน้มน้าวจิตใจให้กลุ่มทอผ้าได้ลองทำ ด้วยวิธีการ Learning by doing พัฒนาจากผ้าครามสีเข้ม กลายเป็น 6 เฉดสี กลายเป็นสี earth tone ที่มีลวดลายหลากหลาย พัฒนา Packaging ทำให้พี่น้องกลุ่มทอผ้าต่างสำนึกในพระมหากรุณา และเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน 


รวมทั้งทรงทาบทามให้ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าและดีไซเนอร์ชื่อดังระดับประเทศ เช่น โจ ธนันท์รัฐ หมู อาซาว่า อู๋ วิชระวิชญ์จ๋อม เธียร์เตอร์ มาเป็นวิทยากร มาเป็นโค้ช ในการให้คำแนะนำพี่น้องประชาชน กระทั่งส่งผลทันตา คือ ผ้าของดอนกอยขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ถล่มทลาย ออเดอร์ผลิตไม่ทัน และกลุ่มทอผ้าบ้านดอยกอย จากเดิมมีรายได้คนละ 700 บาทต่อเดือน ในปัจจุบันมีรายได้ 7,000-10,000 บาทต่อคนต่อเดือน ส่งผลทำให้ลูก  หลาน  เกิดกำลังใจในการสืบสานภูมิปัญญา นับว่าเป็นพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของพระองค์ในการ “พัฒนาคน” เหมือนกับการเจียระไนเพชรเพื่อให้คนไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีผู้สืบสาน รักษา ภูมิปัญญาไทยให้คงอยู่ต่อไป 


ดอนกอยโมเดล” ในวันนี้ ทำให้ปลายน้ำของวงจรชีวิตของคนที่มีความขยันหมั่นเพียรอุตสาหะ ผลิตชิ้นงานขึ้นมาได้มีโอกาสแพร่กระจายให้คนทั่วโลกได้มีโอกาสชื่นชมและสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ เป็นการตอกย้ำถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ที่ทรงสืบสานคุณค่าแห่งมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมไทยไปสู่การตลาดที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลยังประโยชน์ให้คุณภาพชีวิตน้องพี่น้องประชาชนดีขึ้นอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ภายในบูธดอนกอยโมเดล นอกจากการจัดแสดงภูมิปัญญาและฝีมือของช่างทอผ้าแล้ว ยังมีกิจกรรมแสดงและสาธิต ได้แก่ 

  • กิจกรรมย้อมสีธรรมชาติ ย้อมคราม 
  • กิจกรรมค้นฮูก 
  • กิจกรรมกวักหมี่ 
  • กิจกรรมอิ้วฝ้าย/ดีด 
  • กิจกรรมมัดหมี่ 
  • กิจกรรมคันหมี่ 
  • กิจกรรมกวัดฝ้าย 
  • กิจกรรมเข็นฝ้าย 
  • กิจกรรมทอผ้า 
  • กิจกรรมแสดงเส้นไหมย้อมจากสีธรรมชาติ

รวมทั้งมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมคราม ทั้งเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ผ้าพันคอ กระเป๋า และสินค้าประเภทต่าง  ที่ทำจากผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมคราม คาดว่าการออกบูธในครั้งนี้ จะสร้างรายได้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพี่น้องประชาชนกลุ่มทอผ้า ทั้งยังเป็นการเผยแพร่อัตลักษณ์ภูมิปัญญาผ้าไทยที่มีความทันสมัย มีความเป็นแฟชั่นนิยมไปสู่สายตาคนทั่วทั้งโลกต่อไป







อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)