X
ตั้งศูนย์วิจัยชุมชน แห่งที่ 12 “ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ”

ตั้งศูนย์วิจัยชุมชน แห่งที่ 12 “ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ”

25 มิ.ย. 2566
1120 views
ขนาดตัวอักษร

25 มิ..66 - วชจับมือ .ศรีสะเกษ และเครือข่ายวิจัยภูมิภาคฯ จัดตั้งศูนย์วิจัยชุมชน แห่งที่ 12 “ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ” มุ่งพัฒนาทุเรียนภูเขาไฟด้วยวิจัยและนวัตกรรม


สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับ จังหวัดศรีสะเกษ เครือข่ายวิจัยภูมิภาค : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ จัดตั้งศูนย์วิจัยชุมชน “ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ” เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัยและนวัตกรรมให้กับชุมชน โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธาน


ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วชได้นําผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้และเชื่อมโยงในการพัฒนาการประกอบอาชีพ และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ช่วงเวลาที่ผ่านมา เครือข่ายวิจัยภูมิภาค : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการจัดตั้งศูนย์วิจัยชุมชนไปแล้ว 11 แห่ง และในครั้งนี้เป็นการเปิดตัวศูนย์วิจัยชุมชนแห่งที่ 12 ได้แก่ ศูนย์วิจัยชุมชน “ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ” จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งการจัดตั้งศูนย์วิจัยชุมชนในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่ทุเรียนภูเขาไฟเป็นหลัก จะเป็นประโยชน์กับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการขนาดย่อม ในการได้รับองค์ความรู้จากวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม รวมทั้งการสร้างบุคลากรในพื้นที่เพื่อทําหน้าที่เป็นวิทยากร และผู้ชํานาญการงานบริการวิชาการแก่ศูนย์วิจัยชุมชน เพื่อให้ชุมชนได้เข้าถึงงานวิจัย นําผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การใช้ประโยชน์ร่วมกับชุมชน สามารถพัฒนาและส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การถ่ายทอดเทคโนโลยี การนําผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ให้ชุมชนเข้มแข็งและเกิดการพัฒนาได้อย่างยั่งยืน


นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ศูนย์วิจัยชุมชน “ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ” ถือเป็นศูนย์วิจัยชุมชนแห่งที่ 12 ของเครือข่ายวิจัยฯ โดยทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ เริ่มมีการปลูกอย่างจริงจัง ในปี .. 2531 และได้ผลผลิตครั้งแรก ในปี ..2537 จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่สามารถปลูกทุเรียนได้ผลดี โดยเฉพาะพื้นที่อําเภอกันทรลักษ์ และอําเภอขุนหาญ ที่มีทุเรียนติดอันดับความนิยมของประเทศ อันเป็นผลมาจากการปลูกในพื้นที่ภูเขาไฟโบราณที่มีธาตุอาหารสําคัญ สภาพภูมิอากาศไม่ชื้น ทำให้เนื้อทุเรียนแห้งพอดี นุ่มเหนียว เส้นใยละเอียด มีกลิ่นหอมเฉพาะ ไม่ฉุนมาก รสชาติมันค่อนข้างหวาน ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค จนถูกเรียกว่า “ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ” 

คุณปาลลิน พวงมี ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนางานส่งเสริมการเกษตร แห่งกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร มีบทบาทในการนำองค์ความรู้จากการวิจัยไปถ่ายทอดให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ ในภาพรวมของการปลูกทุเรียนในประเทศ ประมาณ 1,300,000 ไร่ นอกจากภาคตะวันออกและภาคใต้ จังหวัดศรีสะเกษถือเป็นแหล่งปลูกทุเรียนที่มีการขยายตัวของพื้นที่มากที่สุด กว่า 20,000 ไร่ แต่ถ้านับเรื่องคุณภาพของทุเรียนของจังหวัดศรีสะเกษถือเป็นที่หนึ่งในประเทศ มากกว่าทุเรียนจากภาคตะวันออกและภาคใต้ กรมส่งเสริมการเกษตรมีความมุ่งมั่นในการพัฒนามาตรฐานของทุเรียน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ 


.ดร.ไชยณรงค์ นาวานุเคราะห์ รองประธานเครือข่ายวิจัยภูมิภาค : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า วชได้มอบหมายให้ เครือข่ายวิจัยภูมิภาค : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดําเนินกิจกรรมการจัดตั้งศูนย์วิจัยชุมชน เพื่อส่งเสริมการนําผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ แก้ปัญหาของชุมชน หรือเพิ่มศักยภาพรายได้ของชุมชนและยกระดับคุณภาพชีวิต รวมทั้งสร้างบุคลากรในชุมชนให้มีความรู้ สามารถเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ให้แก่ชุมชนหรือพื้นที่นั้น  ในปัจจุบันเครือข่ายวิจัยภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยชุมชนแล้ว จํานวน 11 แห่งในจังหวัดต่าง  ของภูมิภาค การจัดตั้งศูนย์วิจัยชุมชน “ทเุรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ” ในครั้งนี้ เป็นการจัดตั้งศูนย์วิจัยชุมชนแห่งที่ 12 ซึ่งทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษถือเป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่สําคัญของจังหวัด สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ได้

รศ.ดร.ประกาศิต อานุภาพแสนยากร อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษร่วมกับ วชและเครือข่ายวิจัยภูมิภาค : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดตั้งศูนย์วิจัยชุมชน “ เรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ” เพื่อสร้างโอกาสให้ชุมชนได้เข้าถึงงานวิจัย นําผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การใช้ประโยชน์ร่วมกับชุมชนในการพัฒนาและส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการนําผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ให้ชุมชนเข้มแข็งและเกิดการพัฒนาได้อย่างยั่งยืนต่อไป


สำหรับทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษจัดเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สําคัญของจังหวัดศรีสะเกษ ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑม์วลรวม (GDP) ของจังหวัด อีกทั้งจังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่สามารถปลูกทุเรียนได้ผลดี จังหวัดศรีสะเกษมีพื้นที่ปลูกทุเรียน 15,110 ไร่ เกษตรกรรวม 2,350 ครัวเรือน ให้ผลผลิตแล้ว 5,750 ไร่ (คิดเป็น 38%) ยังไม่ให้ผลผลิต 9,360 ไร่ (คิดเป็น 62%) ปลูกในพื้นที่ภูเขาไฟโบราณแถบเทือกเขาพนมดงรัก มีดินชนิดหินบะซอลต์เป็นดินเหนียวสีแดง มีคุณสมบัติระบายน้ำได้ดีและมีธาตุอาหารที่สําคัญ คือฟอสฟอรัสสูง เอื้อประโยชน์ให้เนื้อทุเรียนแห้งพอดี นุ่มเหนียว เส้นใยละเอียด มีกลิ่นหอมเฉพาะไม่ฉุนมาก รสชาติมันค่อนข้างหวาน โดยปลูกในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกันทรลักษ์ อำเภอขุนหาญ และอำเภอศรีรัตนะ รวม 5,596 ไร่(คิดเป็น 98%) ของผลผลิตทุเรียนทั้งหมดของจังหวัดศรีสะเกษ เกษตรกรนิยม ปลูกพันธุ์หมอนทอง ชะนี และก้านยาวและจังหวัดศรีสะเกษได้ทําการจดบันทึกทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เมื่อเดือนพฤศจิกายน2559 ที่ผ่านมา ถือได้ว่าทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษเป็นทุเรียนที่อัตลักษณ์เฉพาะ คือ “เนื้อทุเรียนเหนียวนุ่ม กรอบนอกนุ่มใน เส้นใยละเอียด กลิ่นหอมละเมียด เมล็ดลบี เปลือกบาง” เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอย่างมาก



อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)