22 มี.ค. 67 - เก็บตกบอลไทย ช้างศึกหนทางเข้ารอบสดใส หลังสร้างตำนานตีเสมอเกาหลีใต้คาบ้าน ลุ้นกันนัดต่อไป 26 นี้
โอกาสเข้ารอบสดใส
หลังจากเมื่อวานนี้ (21 มีนาคม 2567) ช้างศึกทีมชาติไทยสามารถตามตีเสมอเกาหลีใต้ได้ ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียกรุ๊ป ซี ทำให้ทีมชาติไทยตอนนี้มี 6 แต้ม เท่ากับทีมชาติจีน ที่ทำได้เพียงเสมอสิงคโปร์ แต่ลูกได้เสียดีกว่า ทำให้โอกาสเข้ารอบต่อไปเรียกได้ว่าสดใส และคาดการณ์กันว่าสุดท้ายแล้วไทยคงต้องไปวัดกับทีมชาติจีนในนัดสุดท้ายว่าใครจะเข้ารอบ
แมตซ์ในตำนานอีกครั้ง
นับเป็นการสร้างอีกตำนานของทีมชาติไทย ที่สามารถตามตีเสมอทีมชาติที่อันดับดีกว่ามากได้ โดยทีมชาติไทยปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 101 ของโลก ส่วนเกาหลีใต้อันดับที่ 22 ของโลก ซึ่งต่างกันถึง 79 อันดับ และสำหรับ Head to Head ของทีมชาติไทยกับเกาหลีใต้ก็แทบเรียกได้ว่าห่างกันขีดสุด ตลอดการพบกัน 47 ครั้ง ไทยชนะ 12 ครั้ง เสมอ 14 ครั้ง นอกนั้นแพ้รวด โดยการชนะครั้งสุดท้ายคือแมตซ์ในตำนานเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 1998 หรือ 26 ปีที่แล้ว
คนไทยที่ยิงเกาหลีใต้ได้คนล่าสุด
ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา คือคนไทยคนล่าสุดที่สามารถยิงทีมโสมขาวได้ ก่อนหน้านั้นคือการยิงสองประตูของ “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ในศึกเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่กรุงเทพฯ นั่นเอง และก็เป็นชัยชนะครั้งล่าสุดของไทยต่อเกาหลีใต้ โดยหลังจากที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปี 2002 พร้อมญี่ปุ่น เกาหลีใต้ก็พัฒนาฟุตบอลจนแซงหน้าไปไปอีกหลายช่วงตัว ทำให้หลัง ๆ แม้แต่เสมอก็ไม่มี โดยการยิงครั้งนี้ของ “เจ้าแบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ในรอบ 26 ปี ซึ่งในตอนปี 1998 เจ้าแบงค์ยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ
อิชิอิ เปลี่ยนทีมชาติไทย
การวางหมากของเฮดโค้ชอย่างมาซาทาดะ อิชิอิ สร้างความแตกต่างให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะเกมส์รับ โดยสถิติบ่งบอกว่าเกาหลีใต้นั้นครองเกมส์อยู่อย่างเดียว ในขณะเดียวกันไทยก็รับอย่างมั่นคงและใจเย็น โดยแม้จะมีความผิดพลาดอยู่บ้างแต่ก็มีการโต้กลับดี ๆ หลายครั้ง เช่นลูกยิงไกลของศุภชัย ใจเด็ด รวมทั้งฟอร์มของผู้รักษาประตูมือ 1 อย่าง ปฏิวัติ คำไหม ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด จนทำให้เพื่อนสามารถเล่นได้อย่างสบาย นับว่าเป็นความแตกต่างหลังจากโค้ชมาซาทาดะ อิชิอิ เข้ามาคุมทีม
โค้ชโปรไฟล์ดีใช่จะตอบโจทย์
จากนัดที่สามารถชนะเกาหลีใต้ได้ในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ในปี 1998 ทีมชาติไทยมีโค้ชถึง 12 คน นับจาก ปีเตอร์ วิธ ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่ทำทีมชาติไทยชนะโสมขาว จนมาถึงโค้ลมาซาทาดะ อิชิอิ ซึ่งถ้าดูจากโปรไฟล์ของทั้งสองคนก็ไม่ใช้โค้ชที่มีดีกรีเยอะมากมายอะไร โดยปีเตอร์ วิธ จะโด่งดังจากการเป็นนักฟุตบอลมากกว่า โดยการพาแอสตัววิลล่าคว้าแชมป์ลีคสูงสุด และพาหมาป่า นอธติ้งแฮมฟอเรส ดับบาร์เยิร์นมิวนิค คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ หรือยูฟ่าแชมเปี้ยนลีคในปัจจุบัน การเป็นโค้ชของเขาประสบความสำเร็จมากที่สุดคือการคุมทีมชาติไทยนั่นเอง ส่วนมาซาทาดะ อิชิอิ อาจะไม่โด่งดังกับการเป็นนักเตะเท่าปีเตอร์ วิธ โดยเขาได้แชมป์ เจลีคหนึ่งสมัยกับคาชิม่าแอทเลอร์ พอมาเป็นโค้ช เขาประสบความสำเร็จพอสมควรกับการคว้ามาทุกแชมป์กับทีมคาชิม่าแอทเลอร์ เช่นเดียวกับการพาคาชิม่าแอทเลอร์คว้ารองแชมป์ Fifa Club World Cup โดยเป็นการแพ้รีลมาดริดในช่วงต่อเวลาอย่างสุดมัน ก่อนที่เขาจะลาออกจากคาชิม่าแอทเลอร์ที่ผลงานเริ่มตกต่ำ และไปทำทีมในลีครองอยู่พักนึงก่อนจะมาเมืองไทยโดยเข้าไปคุมสมุทรปราการซิตี้และทำผลงานได้ดี จนได้ไปคุมบุรีรัมย์ยูไนเต็ด จนคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ 2 ฤดูกาลติดต่อกัน จนยากที่ใครจะมาล้มสถิตินี้ได้ อย่างไรก็ตามโค้ชที่ทำผลงานให้ทีมชาติไทยได้เป็นอย่างดี ก็ไม่ใช่โค้ชโปรไฟล์หรูหราเช่น มิโลราน ราเยวัช ที่ทำทีมชาติกาน่าเข้าบอลโลก แต่ก็ล้มเหลวกับทีมชาติไทย หรือ อากิละ นิชิโนะ ตำนานทีมชาติญี่ปุ่นที่พาทีมชาติญี่ปุ่นไปบอลโลกได้ ก็ล้มเหลวกับทีมชาติไทยเช่นกัน
สื่อเกาหลีใต้แทบไม่สนใจไทยก่อนแข่ง
สื่อเกาหลีใต้ก่อนวันแข่งกับทีมชาติไทย ล้วนแล้วแต่ไม่สนใจทีมชาติไทยเท่าที่ควร โดยการมองว่าอันดับมันต่างกันเกินไป โดยทุกสื่อเน้นไปที่เกมส์ทางการเกมแรกของกุนซือขัดตาทัพอย่าง ฮวัง ซุน ฮง โดยหวังว่าเขาจะมาล้างอายเจอเก้น คลิ้นมันส์ ให้ได้ โดยเฉพาะเจอทีมที่ด้อยกว่าอย่างทีมชาติไทย การเอาชนะได้ย่อมทำให้ความมั่นใจของทีมชาติเกาหลีมากขึ้น แต่สิ่งที่ปรากฎคือทีมที่เต็มไปด้วยสตาร์ดังกลับเสมอทีมรองบอลอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้ปฎิกิริยาแฟน ๆ และสื่อออกมาโจมตีกันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะคิมมินแจ กองหลังที่เล่นให้บาร์เยิร์นมิวนิค ที่กลายเป็นแพะเพราะประกบเจ้าแบงค์ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ไม่อยู่จนถูกแซงเข้าไปยิง จนแฟนบอลถามว่าเขาเหมาะสมจะเล่นให้บาร์เบิร์นจริงหรือ ? เช่นเดียวกับการสัมภาษณ์ของ ฮวัง ซุน ฮง กุนซือเกาหลีใต้ กล่าวหลังเกมว่า "แฟนๆ หลายคนเชียร์พวกเราท่ามกลางอากาศหนาว เราเสียใจที่เราไม่สามารถชนะ นี่ไม่ใช่จุดจบ เพราะเรามีเกมเยือนอีกที่จะไปเล่นที่ราชมังฯ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะความผิดหวัง และเตรียมพร้อมสำหรับเกมเยือนนี้ต่อไป"
ชัยชนะประเดิมนายกสมาคมคนใหม่
นับเป็นชัยชนะอย่างเป็นทางการต้อนรับนายกสมาคมคนใหม่อย่าง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีสำหรับวงการฟุตบอลไทยจากนี้ต่อไปภายใต้การทำงานของคนทำงานจริง ๆ อย่างมาดามแป้ง
ไทยขึ้นอันดับเลขสองตัว
โดยน่าจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าไทยจะขึ้นอันดับที่ 99 ของโลกหลังจากเสมอในนัดนี้ โดยเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และขึ้นอันดับต่ำกว่า 100 ในรอบ 19 ปีจากอันดับ 94 ในปี 2548 เลยทีเดียว ส่วนของเกาหลีใต้อันดับโลกตกมา 2 ขั้นจาก 22 มารั้ง 24 ของโลก
สำหรับโปรแกรมต่อไปเป็นเกมนัดที่ 4 ของกลุ่ม ซี โดยทีมชาติไทย จะกลับไปเล่นในบ้านรับมือ เกาหลีใต้ ในวันอังคารที่ 26 มีนาคม 2567 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 19.30 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง ไทยรัฐ ทีวี หมายเลข 32 ช่อง Youtube ช้างศึก