X
ดีอี – สธ. เปิดตัวโครงการ 5G Ambulance

ดีอี – สธ. เปิดตัวโครงการ 5G Ambulance

15 ส.ค. 2568
100 views
ขนาดตัวอักษร

ดีป้า ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข เปิดตัวโครงการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 5G เพื่อยกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน หรือ 5G Ambulance ประกาศความร่วมมือ 17 หน่วยแพทย์ฉุกเฉินทั่วไทยนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ยกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน นำร่องติดตั้ง 3 เทคโนโลยี ได้แก่ เทคโนโลยีแพทย์ทางไกล เทคโนโลยีทางการแพทย์ และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยบนรถพยาบาลฉุกเฉินขั้นสูง 40 คัน คาดช่วยผู้ป่วยเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ทันท่วงทีกว่า 56,000 ราย/ปี


ดร.ปิยนุช วุฒิสอน รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 5G เพื่อยกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน หรือ 5G Ambulance พร้อมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ ‘ยกระดับการแพทย์ฉุกเฉินไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล’ โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นพ.อารยะ ไข่มุกด์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า คณะผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงโรงพยายาบาลทั้ง 17 แห่งที่เข้าร่วมโครงการร่วมในพิธีโดยพร้อมเพรียง


ดร.ปิยนุช กล่าวว่า โครงการ 5G Ambulance ที่จะเริ่มต้นดำเนินการในวันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศในการยกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉินด้วยการนำเทคโนโลยี 5G และอุปกรณ์ดิจิทัลทางการแพทย์มาใช้เต็มรูปแบบบนรถพยาบาลฉุกเฉิน ซึ่งโครงการ 5G Ambulance จะเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญของ กระทรวงดีอี ที่สามารถบูรณาการการทำงานกับโครงการด้านการแพทย์อื่น ๆ ของกระทรวงได้อย่างลงตัว


“แนวทางและโครงการของ กระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบริการด้านสุขภาพที่อยู่ระหว่างดำเนินการ อาทิ การพัฒนาคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขที่รองรับการเข้าถึงข้อมูลจากทุกหน่วยบริการอย่างปลอดภัย ช่วยให้เวลาการให้บริการฉุกเฉินเป็นไปอย่างรวดเร็ว เป็นต้น ซึ่งโครงการ 5G Ambulance ไม่เพียงแต่เป็นต้นแบบ แพทย์ฉุกเฉินอัจฉริยะ แต่ยังเป็นต้นแบบของการทำงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการให้บริการรักษาพยาบาลที่รวดเร็ว แม่นยำ และครอบคลุมประชาชนในทุกพื้นที่ ในนามของ กระทรวงดีอี ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันขับเคลื่อนโครงการนี้ และขอย้ำว่า กระทรวงดีอี พร้อมที่จะเดินหน้าอย่างเต็มกำลังเพื่อให้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นพลังในการดูแลชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนไทยทุกคน” รองปลัดกระทรวงดีอี กล่าว


ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวว่า โครงการ 5G Ambulance มีจุดเริ่มต้นมาจากการต่อยอดความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ ซึ่ง ดีป้า มีภารกิจหลักในการส่งเสริมให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในมิติต่าง ๆ เพื่อทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนาเมืองและชุมชนสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน โดยหนึ่งในมิติสำคัญคือ การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) ในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศ

“โครงการ 5G Ambulance ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยี 5G และอุปกรณ์ทางการแพทย์มาใช้ยกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลบนรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินด้วยการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ อีกทั้งยกระดับทักษะแก่บุคลากรเพื่อแก้ไขปัญหาและข้อจำกัดที่่เป็นอุปสรรคต่อการให้บริการทางการแพทย์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาด้านการสื่อสาร ความล่าช้าในการรับแจ้งเหตุ การขาดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผู้ป่วย การช่วยเหลือเพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย ฯลฯ ทั้งหมดเพื่อให้เกิดการช่วยเหลือที่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น โดยคาดว่าจะเพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉินเพิ่มกว่า 56,000 ราย/ปี” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว


ขณะที่ นพ.อารยะ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญกับการยกระดับระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินมาโดยตลอด ทั้งในด้านกฎหมาย การจัดระบบงบประมาณ การพัฒนาบุคลากร และการร่วมมือกับหน่วยงานภาคีทุกภาคส่วน อีกทั้งรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นการริเริ่มดำเนินโครงการ 5G Ambulance จาก กระทรวงดีอี โดย ดีป้า จึงถือเป็นการวางรากฐานใหม่ให้กับระบบการช่วยชีวิตของประเทศ และหากยกระดับระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้ครอบคลุมทั้งคน องค์ความรู้ ระบบปฏิบัติการ และเทคโนโลยี จะไม่เพียงช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตแก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน แต่ยังเป็นเสาหลักในการสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพของประชาชนไทยในระยะยาว


สำหรับการดำเนินงานในระยะแรก ดีป้า ส่งเสริมการยกระดับรถพยาบาลฉุกเฉินขั้นสูง (ALS) และขั้นพื้นฐาน (BLS) รวม 40 คัน โดยมีโรงพยาบาลที่ผ่านการพิจารณาเข้าร่วมโครงการรวม 17 แห่งใน 11 จังหวัด ประกอบด้วย 1) โรงพยาบาลหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ 2) โรงพยาบาลแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ 3) โรงพยาบาลประทาย จังหวัดนครราชสีมา 4) โรงพยาบาลฮอด จังหวัดเชียงใหม่ 5) โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช 6) โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา 7) โรงพยาบาลสอง จังหวัดแพร่ 8) โรงพยาบาลเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี 9) โรงพยาบาลสิรินธร จังหวัดขอนแก่น 10) โรงพยาบาลมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น 11) โรงพยาบาลจักราช จังหวัดนครราชสีมา 12) โรงพยาบาลตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ 13) โรงพยาบาลเขาชะเมาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา จังหวัดระยอง 14) โรงพยาบาลไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี 15) โรงพยาบาลหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด 16) โรงพยาบาลปากพะยูน จังหวัดพัทลุง และ 17) โรงพยาบาลพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินด้วยการสนับสนุนการติดตั้งอุปกรณ์ 5G Router และอุปกรณ์สำหรับ 3 เทคโนโลยี ได้แก่ เทคโนโลยีแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ประกอบด้วย เครื่องติดตามสัญญาณชีพระยะไกล เครื่องบันทึกภาพและส่งสัญญาณ คอมพิวเตอร์/แท็บเล็ต แพลตฟอร์มบริการการแพทย์ฉุกเฉิน กล้องบันทึกภาพความละเอียดสูงภายในรถ จำนวน 4 ชุด กล้องประจำกายเจ้าหน้าที่ เทคโนโลยีการแพทย์ฉุกเฉิน (Medical Technology) ประกอบด้วย เครื่องคำนวณและให้สารละลายอัตโนมัติ เครื่องกระตุ้นหัวใจพร้อมตรวจสอบสัญญาณชีพ (สำหรับ ALS) เครื่องกระตุ้นหัวใจอัตโนมัติ (สำหรับ BLS) เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย (Safety Technology) ประกอบด้วย กล้องภายนอกรถ จำนวน 2 ชุด

Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)