X
จับผู้ต้องหาโคลอมเบีย-อิตาลี สตม. เข้มมาตรการ เพื่อความปลอดภัย นทท. และคนไทย

จับผู้ต้องหาโคลอมเบีย-อิตาลี สตม. เข้มมาตรการ เพื่อความปลอดภัย นทท. และคนไทย

18 มิ.ย. 2567
460 views
ขนาดตัวอักษร

18 มิ.ย.67 - ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร/ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทย

เป็นฐานในการกระทำความผิด ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้


1. บก.สส.สตม. ตามรวบหัวโจกแก๊งโคลอมเบียหนีคดีลักทรัพย์ซุกไทย เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2567 เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายร่วมกันลักทรัพย์ข้านนักธุรกิจหลังหนึ่งกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้ทรัพย์สินไปมูลค่าประมาณ 70 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศมาเลเชีย สืบทราบว่ามีผู้

ร่วมกระทำความผิดทั้งหมด 8 คน แบ่งหน้าที่กันทำและตามจับกุมได้แล้ว 7 คน เหลืออีก 1 คน เชื่อว่าเป็นหัวหน้าขบวนการคือ Mr.Lopez (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี สัญชาติกัวเตมาลา คาดว่าหลบหนีเข้ามาประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองร่วมกันสืบสวนหาตัว จนกระทั่งทราบว่ามาพักที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งผ่านสุขุมวิท จึงวางกำลังเฝ้าอยู่รอบบริเวณ กระทั่ง Mr.Lopez ปรากฎ

ตัวบริเวณหน้าโรงแรมจึงได้แสดงตัวจับกุมพร้อมขยายผลตรวจสอบภายในห้องพักพบสร้อยคอ กำไร เครื่องประดับแหวน จำนวน 6 ชิ้น เชื่อว่าอาจเป็นทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรมมา จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ จากการสอบถาม Mr.Lopez ให้การว่าตนเองมีชื่อจริงว่า Mr.Migue (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี สัญชาติโคลอมเบีย โดยไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแต่อย่างใด เบื้องต้น Mr.Lopez หรือ Mr.Miguel ไม่ให้การใด ๆ ที่เป็นประโยชน์ แต่เจ้าหน้าที่ตรวจคน

เข้าเมืองมีข้อมูลว่า บุคคลนี้เคยร่วมกับพวกสัญชาติเดียวกันก่อเหตุเช่ารถตระเวนลักทรัพย์ที่ประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2553 ซึ่งได้ลงบันทึกข้อมูลประวัติไว้ในบัญชีบุคคลเฝ้าระวังของ สตม.แล้ว เบื้องต้นได้จับกุมดำเนินคดี Mr.Miguel (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี สัญชาติโคลอมบีย โดยกล่าวหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย


2. ปฏิบัติการสยบนักค้ายาต่างชาติในพื้นที่สมุย ลักลอบค้าโคเคน ตั้งนอมินีธุรกิจเช่ารถบังหน้ามาหลายปี ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับ ป.ป.ส.ภ.8 และ สภ.บ่อผุด จับกุม นายแมตติโอ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี สัญชาติอิตาลี โดยกล่าวหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) นำตัวส่งพนักงนสอบสวน สภ.บ่อผุด จว.สุราษฎร์ธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สำนักงาน ป.ป.ส.ภ.8 ดำเนินการตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ดังนี้

1. รถจักรยานยนต์เช่า จำนวน 70 คัน ซึ่งเป็นรถเช่าที่นายแมตติโอ ดำเนินกิจการในนามบริษัท วาสนามอเตอร์ไบค์ จำกัด ซึ่งนายแมตติโอ อยู่ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ และแสดงหลักฐานประกอบธุรกิจหุ้นส่วนกับบุคคลสัญชาติไทย

2. บัญชีเงินฝากในนามนายแมตติโอ จำนวน 8 บัญชี ประกอบไปด้วย บัญชีของธนาคารกรุงเทพ จำนวน 3 บัญชี, บัญชีกองทุนบัวหลวงตราสารหนี้ 1 บัญชี, ธนาคารกสิกรไทย 2 บัญชี, ธนาคารกรุงไทย  บัญชี, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 1 บัญชี โดยมียอดเงินหมุนเวียนรวมกว่า 8,000,000 บาท

3. เงินสด 2 รายการ รวม 1,095,000 บาท จากนั้น ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ได้ตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของนายแมตติโอ ในเชิงลึกจนพบว่าถือครองบริษัทวาสนา มอเตอร์ไบท์ จำกัด โดยมี นายแมตติโอ, น.ส.วาสนา (สงวนนามสกุล) และนางจิรวรรณ (สงวนนามสกุล) เข้าร่วมถือหุ้นในสัดส่วน 51 ต่อ 49 เปอร์เซ็ต์ ซึ่งเมื่อตรจสอบเอกสารหลักฐานการลงทุน พยานเอกสารและหลักฐานอื่นรวมทั้งสอบถ้อยคำแล้วพบว่าบุคคลสัญชาติไทยทั้ง 2 ราย ไม่ได้นำเงินเข้าร่วมในธุรกิจดังกล่าวและไม่ทราบถึงการดำเนินการในธุรกิจดังกล่าวเลย โดยได้รับการร้องขอจากนายแมตติโอ ให้ช่วยเหลือเอาชื่อมาใส่ในนามผู้ถือหุ้นเพื่อให้

ตนเองได้ประกอบธุรกิจในราชอาณาจักรตามเงื่อนไขของการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ซึ่งเงินที่ใช้ในการลงทุนทั้งหมดเป็นของนายแมตติโอ และนายแมตติโอ เป็นผู้รับผลกำไรแต่เพียงผู้เดียว เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.วาสนา ในฐานความผิด เป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทย ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (นอมินี) เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดย

หลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ และให้ดำเนินคดีกับนายแมตติโอ ในฐานความผิด เป็นบุคคลต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทย ให้ความช่วยเหลือ หรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เพื่อให้ตนประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ตามมาตรา 36 พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จากพฤติการณ์ดังกล่าวนายแมตติโอ ได้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรแต่งงานกับภรรยาชาวไทย โดยเปิดกิจการเช่ารถมอเตอร์ซด์บังหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ เพื่อแสดงให้คนทั่วไปเห็นว่าตนเองมีกิจการเป็นที่มั่นคง ปิดบังอำพรางการได้มาซึ่งทรัพย์สินจากการขายยาเสพติด ซึ่งจากการสอบถามนายแมตติโอ ให้ข้อมูลว่าได้ติดต่อขอซื้อยาเสพติดมาจากกลุ่มคนต่างชาติด้วยกันแล้วนำมาแบ่งขายหรือที่ภาษาในหมู่นักขายยาใช้คำว่า "จอยส์" ขายให้กับคนต่างชาติตามสถานที่ท่องเที่ยวในยามค่ำคืน และได้ให้ข้อมูลกลุ่มคนต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลไปสู่ต้นทางของยาเสพติดที่ระบาดในหมู่นักท่องเที่ยวต่อไป


สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา จว.นนทบุรี หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ ww.immigration.go.th

อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)