27 ต.ค.64 - “แผนที่เดินดิน” หัวใจของความสำเร็จ “ชุมชนสู้เหล้า-สู้ภัยโควิด” สคล. เตรียมขยายผลชุมชนต้นแบบ“บ้านหนองกอก” สู่ 35 ชุมชน
หมู่บ้านหนองกอก หมู่ 9 ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เคยประสบปัญหาการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากมีลูกบ้านจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิด “ตั้งวงดื่มสุรา” จนเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคถึง 3 ครอบครัวพร้อมกัน และมีผู้รับเชื้อจากนอกหมู่บ้านอีกจำนวนหนึ่ง รวมมีผู้ติดเชื้อสะสม 36 คน
•
ชุมชนจึงร่วมใจกันจัดการแก้ปัญหาด้วยตนเองด้วยความร่วมมือ ความสามัคคีทำให้ควบคุมและยั้บยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดูแลรักษาจนตัวเลขผู้ป่วยเป็น 0 ได้ในวันนี้ พร้อมกับพฤติกรรมการดื่มของคนในชุมชนเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยหัวใจหลักของการบริหารจัดการสู่ความสำเร็จในครั้งนี้ คือ “แผนที่เดินดิน” ของหมู่บ้าน สนับสนุนโดย สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)
นายวันชัย เหี้ยมหาญ ผู้ใหญ่บ้านหนองกอก หมู่ 9 ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เล่าว่า ชุมชนหนองกอกได้รับการสนับสนุนโดยสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในชุมชนจากการตั้งวงดื่มสุรา ซึ่งขณะนั้นการช่วยเหลือจากภาครัฐค่อนข้างล่าช้า หากรอปฏิบัติตามมาตรการภาครัฐคงไม่ทันการณ์ ชุมชนจึงตัดสินใจหันมาพึ่งตนเองในการแก้ปัญหาเบื้องต้น ก่อนจะส่งต่อให้ภาครัฐมารับไปรักษาที่โรงพยาบาล
ภารกิจเร่งด่วนอันดับแรก ได้ตั้งชุดอาสาปฏิบัติการชุมชนสู้โควิด ขึ้นมา 3 ชุด ๆ ละ 3-4 คน ประกอบด้วย
1.ชุดสื่อสาร เป็นกลุ่ม อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นชุดที่ให้ความรู้เกี่ยวกับโรค การดูแลป้องกันการแพร่ระบาด
2.ชุดภูมิปัญญา เป็นกลุ่มผู้อาวุโสที่มีความรู้เรื่องยาสมุนไพร จะดูแลเรื่องสมุนไพรในการรักษา
3.ชุดควบคุม ปฏิบัติการควบคุม ช่วยเหลือ ส่งต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำไปรักษาที่โรงพยาบาล โดยอาศัย แผนที่เดินดินของหมู่บ้าน มาใช้ในการวิเคราะห์ บริหารจัดการ ทำให้แก้ปัญหาการระบาดของโรคได้อย่างทันท่วงที
“แผนที่เดินดิน” จะมีข้อมูลของแต่ละบ้านโดยละเอียด จำนวนประชากร คนกินเหล้า คนติดเหล้า เป็นต้น บ้านหลังไหนมีคนติดโควิด-19 ติดแล้วกินเหล้ามั้ย ถ้ากินก็จะมีความเสี่ยงเพิ่มในการระบาดต่อ ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้เราบริหารจัดการควบคุมได้อย่างเร็ว
แม้กระทั่งคนต่างถิ่นมาพักบ้านไหน ม้าเร็วชุดควบคุมเราก็จะเข้าถึงและจะคอยสอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิด บ้านหลังไหนมีคนเสี่ยง ชุด อสม.ก็จะเข้าคัดกรองด้วย ATK ทันทีเพื่อคัดแยกคนติดกับไม่ติดเชื้อออกจากกัน บ้านไหนติดโควิดชุดภูมิปัญญาก็จะต้มสมุนไพรฟ้าทะลายโจรไปให้ดื่มรักษาอาการ
โดยแผนที่นี้ทำให้เรามองเห็นภาพรวมทั้งหมู่บ้าน สามารถนำมาวิเคราะห์แนวทางการจัดการได้ อย่างหากบ้านหลังนี้ติดโควิดออกไปหาอาหารมาทำกินไม่ได้ต้องกักตัว บ้านข้างๆ ปลูกผักเลี้ยงปลา เราก็แจ้งทางไลน์กลุ่มหมู่บ้านให้บ้านใกล้กันช่วยทำอาหารไปให้ ชุมชนเราต่างช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี ที่นี่เราอยู่กันแบบพี่น้อง ทุกคนร่วมใจกันแก้ปัญหาเราจึงผ่านวิกฤตนั้นมาได้
ด้านนางสาวอุบลวรรณ คงสว่าง ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคตะวันตก กล่าวว่า แผนที่เดินดิน เริ่มมีเมื่อปี 2560 โดยเป็นแผนที่ของหมู่บ้านที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นฐานข้อมูลว่าแต่ละบ้านมีคนดื่มสุราหรือไม่ และบ้านหลังไหนมี คนหัวใจหิน คือ คนที่งดเหล้าจนครบพรรษา จะมาร์คสีไว้ ส่วนคนหัวใจเหล็ก คือ หลังงดเหล้าเข้าพรรษาแล้วยังงดเหล้าต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 3 เดือน และ คนหัวใจเพชร คือ คนที่งดเหล้าต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป
จากข้อมูลตรงนี้จะประเมินได้ว่าบ้านไหนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 กันเองภายในครอบครัวโดยบ้านที่มีคนดื่มจะมีโอกาสติดเชื้อแบบโดมิโน่ได้ ภายหลังได้มีการเพิ่มข้อมูลรายละเอียดในด้านต่างๆ ลงในแผนที่ เช่น จำนวนคนดื่ม ในครอบครัว ติดหรือไม่ติดเหล้า มีผู้ป่วยติดเตียงหรือไม่ ผู้พิการ รวมถึงข้อมูลด้านสุขภาวะอื่นๆ
•
โดยสามารถเติมข้อมูลทุกด้านได้ตลอดเวลา ยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไหร่ จะทำให้เรามองเห็นภาพรวมในทุกมิติของหมู่บ้านได้ชัด โดยเฉพาะในสถานการณ์การระบาดของโรค แผนที่เดินดิน จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการนำมาช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ควบคู่ไปกับการป้องกันการระบาดของโควิด-19
•
แผนที่ยังมีส่วนสำคัญในการรณรงค์ลดปัจจัยเสี่ยงทุกมิติไปพร้อมกันอีกด้วย สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้บ้านหนองกอกประสบความสำเร็จ คือ กลไกการทำงานเป็นทีม ที่แบ่งบทบาทหน้าที่กันอย่างชัดเจน และชุมชนมีความสามัคคีให้การช่วยเหลือดูแลกันเอง
พร้อมร่วมใจไม่ตั้งวงเหล้าในงานสังสรรค์ใดๆ ผลของการร่วมใจกันครั้งนี้ นอกจากสถานการณ์การระบาดของโรคภายในหมู่บ้านจะคลี่คลายแล้ว ต้นเหตุของการระบาดจากวงเหล้า ยังส่งผลให้พฤติกรรมการดื่มของคนในชุมชนเปลี่ยนไป โดยจากดื่มกันเป็นกลุ่มก้อนก็หันมาดื่มคนเดียว ๆ จึงขาดความสนุกส่งผลให้บางคนค่อยๆลดการดื่มไปโดยปริยาย “บ้านหนองกอก” สามารถเป็นต้นแบบของชุมชนที่สามารถบริหารจัดการตนเองได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องการควบคุมการระบาดของโควิด-19 การดูแลป้องกันตนเอง โดยเฉพาะการควบคุมเหล้าซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งต่อการระบาดของโรค โดย สคล.จะนำต้นแบบนี้ไปขยายผลต่อยังหมู่บ้านใกล้เคียง คือ หมู่ 6-7-8 รวมไปถึงชุมชนอื่นๆ อีก 17 ชุมชนในปีนี้ ได้เรียนรู้และนำไปปรับใช้กับบริบทของแต่ละพื้นที่ และจะขยายผลให้ได้ถึง 35 ชุมชนในปีหน้า