9 พ.ย. 66 - วันนี้ครบรอบ 34 ปี ของการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ.1989 เอกอัครราชทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย ดร.แอ็นสท์ ไรเชิล (Dr.Ernst Reichel) อธิบายถึงการประท้วงอย่างสันติ และการล่มสลายของสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมัน (เยอรมันตะวันออก) มีความสำคัญอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้
“ทุก ๆ
ท่านครับ ที่ตั้งอยู่ข้างผมคือชิ้นส่วนจริง ๆ ของกำแพงเบอร์ลิน
ซึ่งถูกสร้างด้วยกับดักอย่างปืนสปริงและทุ่นระเบิดเพื่อขัดขวางไม่ให้ชาวเยอรมันตะวันออกสามารถหลบหนีสู่อิสรภาพในฝั่งตะวันตก มีผู้เสียชีวิตจากการพยายามข้ามกำแพงหลบหนีกว่า
140 คน กำแพงที่ตั้งอยู่ข้างผมจึงเป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่และการแบ่งแยกระหว่างตะวันตกและตะวันออกและสัญลักษณ์ของสงครามเย็น
วันนี้เป็นวันครบรอบ 34 ปี ของการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน
ผ่านการประท้วงอย่างสันติวิธีของชาวเยอรมันตะวันออก รวมถึงผู้คนในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกได้รับเสรรภาพและสิทธิในการกำหนดอนาคตของตัวเองคืนมา
การล่มสลายของกำแพง และการรวมชาติเยอรมนีเกิดขึ้นได้ก็เพราะชาวเยอรมันตะวันออกเสี่ยงชีวิตของตน
เพื่อเรียกร้องเสรีภาพและสิทธิในระบอบประชาธิปไตย
ซึ่งเป้นสิทธิที่ในทุกวันนี้ต้องได้รับการปกป้องในระดับนานาชาติ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมวันครบรอบการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลินในวันนี้จึงเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลอง
และเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับเราในเวลาเดียวกัน
ประชาธิปไตยและสิทธิในการกำหนดชีวิตตนเอง จะต้องได้รับการปกป้อง เช่น
จากข้อมูลที่บิดเบือน ซึ่งใช้เพื่อโจมตีความจริง เพราะความจริงนั้นเป็นรากฐานของระบอกประชาธิปไตย
เช่นเดียวกับความรุนแรงจากการใช้กำลังทางทหาร เพื่อที่จะยึดอธิปไตยของประชาชน
ที่มีเอกราชเป็นของตนเอง”
สำหรับกำแพงเบอร์ลินเป็นกำแพงที่สร้างขึ้นเมื่อค.ศ. 1961 ในช่วงสงครามเย็น เพื่อกั้นพรมแดนระหว่างเมืองเบอร์ลินตะวันตกและเบอร์ลินตะวันออก โดยเบอร์ลินตะวันตกเป็นเมืองหลวงของเยอรมนีตะวันตกที่อยู่ในฝั่งโลกเสรี แต่พื้นที่ทั้งหมดจะอยู่ในพรมแดนของเยอรมนีตะวันออกที่อยู่ในฝั่งคอมมิวนิสต์ มีความยาว 155 กิโลเมตร สำหรับกำแพงเบอร์ลินนอกจากเป็นจึงเป็นสัญลักษณ์การแบ่งโลกออกเป็นสองขั้วอำนาจในสมัยสงครามเย็นอีกด้วย ตลอดเวลากว่า 30 ปีของกำแพงเบอร์ลิน มีผู้คนเสียชีวิตจากการพยายามหลบข้ามกำแพงนี้กว่า 140 คน
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1989 ตรงกับยุคที่ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ประธานาธิบดีของสหภาพโซเวียต ได้มีการทดลองการปฏิรูปการปกครองไปสู่ระบอบประชาธิปไตยในเยอรมนีตะวันออก ได้มีการชุมนุมประท้วงใหญ่อย่างสงบขึ้นในหลายเมืองในเยอรมนีตะวันออก เริ่มต้นในวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 1989 และดำเนินเรื่อยมา เป็นเหตุให้รัฐบาลเยอรมนีตะวันออกได้รับความกดดันเป็นอย่างมาก กระทั่งได้มีการประกาศว่า จะเปิดพรมแดนให้ชาวเยอรมันสามารถเดินทางผ่านแดนได้อย่างอิสระ ในวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1989
ในวันดังกล่าวชาวเยอรมันตะวันออกจำนวนมากได้มารวมตัวกัน ณ กำแพงเบอร์ลิน เพื่อข้ามผ่านแดนไปยังเบอร์ลินตะวันตกครั้งแรกในรอบ 28 ปี รวมทั้งรวมตัวกันทุบทำลายกำแพงบางส่วนออก จึงถือเอาวันดังกล่าว เป็นวันล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน โดยบรรยากาศในเช้ามืดวันนั้นเหมือนงานเฉลิมฉลอง หลังจากนั้นอีก 2 ปี ในปี 1991 สหภาพโซเวียตก็ล่มสลาย จึงเป็นการจบลงของสงครามสองขั้วอำนาจอย่างสงครามเย็น กำแพงเบอร์ลินจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดสงครามเย็น
ที่มา เฟซบุ๊คแฟนเพจ German Embassy Bangkok
https://www.facebook.com/GermanEmbassyBangkok