แพทย์เชี่ยวชาญด้านกระดูกออกโรงเตือนคุณผู้หญิงสายสตรองสู้งานทั้งในและนอกบ้าน
แถมเอ็นจอยกับการเดินช็อปปิง ให้เพลินอารมณ์ ระวังมีอาการโรคทางเส้นเอ็นนิ้วหัวแม่มือจะมาเยือนให้เจ็บช้ำกันได้
ผศ.นพ.ชินกาจ บุญญสิริกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
ระบุว่า ปัจจุบันนี้สามารถพบโรคเส้นเอ็นนิ้วหัวแม่มืออักเสบได้บ่อยมากในผู้หญิงอายุ
30-50 ปี ส่วนใหญ่เป็นในผู้ที่มีลักษณะงานที่ต้องขยับข้อมือไปมาทางด้านข้างซ้ำๆ
เช่น ผู้ที่ทำงานซักผ้า ขัดถู สับเนื้อ หรือผู้ที่ต้องยกของโดยใช้แรงข้อมือมากๆ
เช่น หิ้วถุงช็อบปิง ถือเอกสาร อุ้มเด็ก
โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากการบวมและหนาของเส้นเอ็นของนิ้วหัวแม่มือสองเส้น
คือเส้นเอ็นที่ใช้เหยียดนิ้วหัวแม่มือและเส้นเอ็นที่ใช้กางนิ้วหัวแม่มือ (Extensor pollicis brevis และ Abductor pollicis longus) ซึ่งเส้นเอ็นทั้งสองนี้ถูกหุ้มด้วยปลอกเส้นเอ็นที่ทอดตัวอยู่บนด้านข้างของกระดูกข้อมือ
ซึ่งสามารถคลำได้เป็นปุ่มยื่นออกมาทางด้านนอกของข้อมือทางฝั่งนิ้วหัวแม่มือ
โดยผู้ป่วยมีอาการปวดข้อมือทางด้านนิ้วหัวแม่มือ บางคนบวมและกดเจ็บเหนือข้อมือราว 1 เซนติเมตร ถ้าผู้ป่วยกางและเหยียดนิ้วหัวแม่มือเต็มที่จะทำให้มีอาการเจ็บที่ข้อมือมากยิ่งขึ้น แพทย์มีวิธีการตรวจโดยให้ผู้ป่วยงอนิ้วหัวแม่มือเข้าในอุ้งมือและกำนิ้วที่เหลือให้แน่น เมื่อแพทย์บิดข้อมือผู้ป่วยไปทางด้านนิ้วก้อย ผู้ป่วยจะปวดบริเวณข้อมือส่วนนั้นมากขึ้น
สำหรับผู้ป่วยมีอาการไม่มากสามารถใช้วิธีการรักษาโดยจำเป็นต้องไม่ผ่าตัด
คือ
1.
การรับประทานยาเพื่อลดการอักเสบของเส้นเอ็น โดยทั่วไปให้รับประทานยาต้านการอักเสบที่ไม่มีสารสเตียรอยด์
(NSAISs)
2.
การทำกายภาพบำบัดเพื่อลดอาการปวดและบวมของเส้นเอ็น ได้แก่
การแช่พาราฟิน และการทำอัลตราซาวน์
3.
การใส่อุปกรณ์ประคองข้อมือที่ยาวมาคลุมบริเวณนิ้วหัวแม่มือด้วย (Thumb
spica splint) เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของนิ้วหัวแม่มือ
ทำให้ได้พักการใช้งานเส้นเอ็นให้เส้นเอ็นไม่อักเสบมากขึ้น
4.
การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าในเยื่อหุ้มเส้นเอ็นบริเวณตำแหน่งที่เป็น
ซึ่งใช้ได้ผลดี และปลอดภัย อย่างไรก็ตามไม่ควรฉีดมากกว่า 2-3
ครั้ง เพราะมีความเสี่ยงที่เอ็นอาจจะขาดได้
แต่หากมีอาการรุนแรงแพทย์จำเป็นต้องวินิจฉัยแนวทางรักษาประกอบกับการตัดสินใจของคนไข้
สำหรับการปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการโรคเส้นเอ็นนิ้วหัวแม่มือ
1.
หลีกเลี่ยงการทำงานที่ต้องขยับข้อมือด้านข้างซ้ำๆ เช่นการหยิบจับ
หรือของหนักๆ เช่น ในการทำอาหาร การถือเอกสาร กระเป๋า การอุ้มทารก และ เพลาๆการช็อปปิงลดบ้าง
2.
การประคบกระเป๋าน้ำร้อนหรือแช่มือในน้ำอุ่นจะช่วยให้อาการปวดลดลงได้