16 พ.ค. 67 - ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าหลายรายการจาก ซึ่งรวมถึงแบตเตอรีสำหรับรถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (อีวี) ชิปคอมพิวเตอร์และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ถือเป็นหมากการเมืองที่อาจนำไปสู่การเผชิญหน้ากับจีนเพื่อเอาใจฐานเสียงในปีเลือกตั้งผู้สหรัฐฯ
ไบเดน ระบุระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่บริเวณโรสการ์เดน (Rose Garden) ของทำเนียบขาว ต่อหน้าสหภาพแรงงานและตัวแทนบริษัทหลายแห่ง ว่า “คนงานชาวอเมริกันาสามารถทำงานและแข่งขันได้ดีกว่าใคร ๆ ทั้งนั้น ตราบใดที่เป็นการแข่งขันที่เป็นธรรม แต่เป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่ได้มีความเป็นธรรม” และว่า “เราจะไม่ยอมให้(สินค้า)จีนทะลักท่วมตลาดของเรา”
หลังมีคำประกาศนี้ออกมา รัฐมนตรีพาณิชย์ของจีนประกาศตอบโต้การขึ้นภาษีทันที และประกาศว่า จะมีมาตรการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
แถลงการณ์จากทำเนียบขาวระบุว่า ไบเดนยังคงอัตราภาษีนำเข้าจากจีนที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเอาไว้ แต่จะปรับภาษีนำเข้าสำหรับรถอีวีขึ้นสี่เท่าถึงระดับมากกว่า 100% และเพิ่มภาษีนำเข้าของเซมิคอนดักเตอร์ขึ้นเป็น 50%
แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุด้วยว่า มาตรการของไบเดนจะส่งผลกระทบถึงสินค้านำเข้าจากจีนหลายประเภท รวมทั้งเหล็กและอลูมิเนียม เซมิคอนดักเตอร์ รถอีวี สินแร่ที่มีความสำคัญ แผงพลังงานแสงอาทิตย์และรถเครน คิดเป็นมูลค่ารวม 18,000 ล้านดอลลาร์
สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากจีนในปี 2023 เป็นมูลค่า 427,000 ล้านดอลลาร์ แต่ส่งออกไปจีนเป็นมูลค่า 148,000 ล้านดอลลาร์ อ้างอิงจากสำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรสหรัฐฯ โดยภาวะขาดดุลการค้านี้ดำเนินมาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว และเป็นประเด็นที่อ่อนไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับรัฐบาลกรุงวอชิงตัน
ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ แคเธอรีน ไท กล่าวว่า การปรับขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐฯ นี้ถือว่าสมเหตุสมผล เพราะจีนทำการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ ไป แต่ก็แนะให้มีการยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าเครื่องจักรหลายร้อยรายการจากจีน ซึ่งรวมถึง อุปกรณ์ประกอบผลิตภัณฑ์แผงโซลาร์จำนวน 19 รายการ เป็นต้น
ที่มา: รอยเตอร์ , VOA