กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศให้ปี 2568 เป็น “ปีแห่งการเริ่มต้นรณรงค์ลดขยะอาหาร” เดินหน้าขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายย่อย 12.3 ด้วยพลังความร่วมมือจาก ๑๕ ภาคีองค์กร การประกาศในครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงจุดยืนของรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับการลดขยะอาหาร แต่ยังถือเป็นก้าวสำคัญในการนำพาประเทศเข้าสู่ ทศวรรษแห่งการลงมือทำ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกับประชาคมโลกในห้วงเวลาที่เหลือ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ ๑๒ จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ ๑๒ ของประเทศไทย ประเด็นการลดขยะอาหาร พร้อมประกาศให้ ปี พ.ศ. 2568 เป็น “ปีแห่งการเริ่มต้นรณรงค์ลดขยะอาหารอย่างเป็นรูปธรรม” เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายย่อยที่ 12.3 ภายในปี 2573 โดยมีองค์กรภาคี ๑๕ หน่วยงานเข้าร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ นางชญานันท์ ภักดีจิตต์ เลขาธิการ สผ. เป็นผู้กล่าวรายงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยมีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมแขกผู้มีเกียรติจำนวน ๒๐๐ คนร่วมเป็นสักขีพยาน
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวเปิดงานโดยย้ำถึงความเร่งด่วนของปัญหาขยะอาหาร ซึ่งไม่ใช่แค่ประเด็นระดับประเทศ แต่เป็นวิกฤตระดับโลกที่ทุกภาคส่วนต้องตระหนักและร่วมมือกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยมีสัดส่วนขยะอาหารเฉลี่ยต่อคนต่อปีมากเป็นอันดับ ๒ ของภูมิภาคเอเชีย และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในขณะที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มลดลง สร้างภาระทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมุ่งเน้นว่าการลดขยะอาหารไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือภารกิจร่วมของทุกคน โดยตั้งเป้าให้ปี 2568 เป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนเชิงรุกอย่างจริงจัง ด้วยพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน หยุดขยะอาหารให้กลายเป็นอดีต ร่วมต่ออนาคตของประเทศไทยสู่วิถีการบริโภคอย่างยั่งยืน
เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะผู้กล่าวรายงาน กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวความร่วมมือจากองค์กรนำร่อง ที่จะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง ทั้งในแง่การประชาสัมพันธ์ สร้างความตระหนัก และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการลดขยะอาหารที่เป็นรูปธรรม ความร่วมมือในระยะเริ่มต้นจะเน้นไปที่ การประชาสัมพันธ์ สื่อสารสาธารณะ และการรณรงค์เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคและผู้ประกอบการ และการนำร่องลดปริมาณขยะอาหารใน ๔ ศูนย์การค้าต้นแบบ รวมถึง มหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมภายใต้เครือข่ายมหาวิทยาลัยยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดจะร่วมเป็นพลังสำคัญในการผลักดันสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมทั้งในระดับองค์กรและสังคมไทยโดยรวม เพื่อร่วมกันสร้างสังคมการผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืน
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการสำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า “ความร่วมมือในการขับเคลื่อนเพื่อลดปัญหาขยะอาหาร (Food Waste) ที่นำร่องโดย 15 หน่วยงานนั้น นอกจากเป็นการขับเคลื่อนการผลิตและบริโภคอาหารอย่างยั่งยืนแล้ว ยังเป็นการสื่อสารองค์ความรู้เพื่อสร้างความตระหนัก ตื่นรู้ และผลักดันต่อสาธารณะชนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคอาหารอย่างสมดุลและยั่งยืน ข้อมูลปี 2567 ขยะอาหาร (Food Waste) มีปริมาณสูงถึง 10.24 ล้านตัน โดยมีอาหารที่ยังบริโภคได้ถึงร้อยละ 40 ดังนั้น ความร่วมมือในการขับเคลื่อนเพื่อลดขยะอาหาร จึงเป็นการลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับขยะตั้งแต่กระบวนการใช้ทรัพยากรในการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว การขนส่ง การบริโภค และการจัดการขยะอย่างไม่จำเป็น รวมถึงลดผลกระทบต่อระบบนิเวศที่เสี่ยงต่อสุขภาพของคน เช่น โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร กลิ่นรบกวน เป็นต้น”
องค์กรที่เข้าร่วม ๑๕ หน่วยงาน ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าซีคอน สยามพิวรรธน์ เซ็นทรัลพัฒนา เดอะมอลล์ เครือข่ายมหาวิทยาลัยยั่งยืนแห่งประเทศไทย กทม. กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สสส. สวทช. SDG. MOVE ไทยยูธกรุ๊ป TEI Thai SCP สผ. คพ.