นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) กล่าวในการเสวนา สมาร์ตซิตี้ กับสมรรถนะการแข่งขันของเมือง หัวข้อ "การกระจายอำนาจการปกครองยุคดิจิทัลว่า หลังจากที่มีการก่อตั้งสดช.ได้มีการร่วมกันพิจารณา (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (พ.ศ. 2561 - 2580) ซึ่งปัจจุบันผ่านไปแล้ว 2 ระยะ แต่ในฉบับปรับปรุง ประกอบด้วย1. บริบทในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในยุคดิจิทัล 2. วิสัยทัศน์ และภูมิทัศน์การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 3. ยุทธศาสตร์การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ4. กลไกการขับเคลื่อนทั้งนี้ คณะทำงานฯ จะนำ (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติฯ ฉบับปรับปรุงนี้ เสนอต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
จากการรวบรวมผลการดำเนินงานใน 2 ระยะแรกที่ผ่านมา ด้านการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่ผ่านมา พบว่า“โครงการเน็ตประชารัฐ” หรือโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขยายโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทุกหมู่บ้านของประเทศไทย ครบทั้ง 74,987 หมู่บ้านทั่วประเทศ รวมทั้งสถานศึกษา หมู่บ้าน ศูนย์ดิจิทัลชุมชนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โดยมีผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ห่างไกลลงทะเบียนใช้บริการ Free WiFi ภายใต้โครงการเน็ตประชารัฐ 10,487,510 คน
ส่วนที่เหลือต่อจากนี้ สดช.กำลังอยู่ระหว่างการทบทวน และปรับปรุงนโยบายและแผนระดับชาติ ว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (พ.ศ. 2561-2580) ในระยะ 3 ระหว่างปี 2566-2570 โดยอยู่ในขั้นตอนระดมสมองเพื่อจัดทำภาพอนาคตเชิงยุทธศาสตร์ (Future Scenario) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ และภาคประชาชน ทั้งนี้ แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม ระยะ 3 ของประเทศ เป็นการวางยุทธศาสตร์เพื่อเดินหน้าสู่การเปลี่ยนผ่าน (Transforming) จากระยะแรก เป็นการปูพรมวางโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ได้แก่ โครงการเน็ตประชารัฐ ซึ่งปัจจุบันครอบคลุม 75,000 หมู่บ้านทั่วประเทศแล้ว และระยะที่ 2 การมีส่วนร่วมและการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของคนไทยทุกคน (Inclusion) ซึ่งการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้เกิดอัตราเร่งที่เร็วขึ้นเน็ตไทยราคาที่สมเหตุสมผลไม่เกิน 2% ของรายได้ต่อครัวเรือน ขณะที่สัดส่วนประชาชนที่เข้าถึงและใช้งานอินเตอร์เน็ตอยู่ที่ 83.8% (ข้อมูล ณ ไตรมาส 3 ปี 2564) และราคาอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงรายเดือนด้วยความเร็วขั้นต่ำ อยู่ในระดับไม่เกิน 2% หรือไม่ต่ำเหลือเพียง 1% กว่าๆ ของรายได้มวลรวมประชาชาติต่อหัว (ไม่ควรเกิน 385 บาท โดยค่าบริการเริ่มต้นเฉลี่ย 220 บาทต่อเดือน สำหรับอัตราความเร็ว30/10 Mbps.
นอกจากนี้ ยังได้ตั้งเป้าหมายว่าในปี 2570 จะขยายรายได้ที่เกิดจากดิจิทัลให้เป็น 30% ของจีดีพีประเทศ จากปัจจุบันที่อยู่เพียง 12% ดังนั้น ช่องว่างที่ขาดไป 18% นั้น สดช.ต้องมองถึง การเก็บข้อมูลการใช้จ่ายผ่านดัชนีดิจิทัลในมิติที่หลากหลายมากขึ้นมาก แต่จะต้องพัฬฒนาให้ควบคู่ไปกับการรู้เท่าทันการใช้อินเทอร์เน็ตให้อยู่ในระดับ 68-75% ของจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตให้รู้ถึงภัยแอบแฝงในโลกออนไลน์ และขยับไปอีก 10 ปี ในปี 2580 จะผลักให้ไทยหลุดจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางด้วยดิจิทัล
เลขาธิการสดช. กล่าวเสริมว่า แผนในระยะที่ 3 ยังจะมีการวางกรอบการส่งเสริมการขับเคลื่อนเทคโนโลยี 5G ที่ชัดเจนขึ้นยกตัวอย่างเช่น การให้สิทธิพิเศษทางภาษีแก่อาคารก่อสร้าง ที่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ 5G โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองต้องกำหนดสเปกของอาคาร 5G ให้ชัดเจน, การกำหนดจริยธรรมหุ่นยนต์หรือ AI Ethics เนื่องจากปัญญาประดิษฐ์หรือ AI จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น รวมทั้งการศึกษาการนำดาวเทียมวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit หรือ LEO Satellite) มาให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ให้ครอบคลุมพื้นที่ห่างไกลในต้นทุนที่ประหยัดกว่าการวางสายไฟเบอร์ออปติกหรือติดตั้งสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งสดช.คาดหวังว่าดาวเทียมวงโคจรต่ำจะช่วยขยายการให้บริการอินเตอร์เน็ตไปสู่ครัวเรือนชายขอบของไทยที่อินเตอร์เน็ตยังเข้าไม่ถึงอีก 10-20% ที่เหลือได้ ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า
การเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลของภาครัฐจะกระทบชิ่งไปยังประชาชนให้ต้องเปลี่ยนผ่านตามไปด้วย ภายใต้การให้บริการต่างๆของภาครัฐสู่ประชาชน ขณะที่ภาคเอกชนเดินหน้านำไปก่อนแล้ว” ทั้งนี้ การขับเคลื่อนด้านดิจิทัลระหว่างภาครัฐและเอกชนนั้นไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ เพราะภาครัฐไม่ได้อยู่ในวิสัยที่จะแข่งขันกับเอกชน ในทุกประเทศภาคเอกชนเป็นผู้นำในการขับเคลื่อน เพราะเขาทำธุรกิจมีผลกำไรเป็นที่ตั้ง รัฐบาลมีหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน กระตุ้น ภายใต้ระบบนิเวศที่เอื้อต่อการลงทุน สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการเป็นรูปธรรมคือการเปิดประมูล 5G ที่ไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียน ทำให้ความเร็วของอินเตอร์เน็ตไร้สายในไทยติด 1 ใน 10 ประเทศที่เร็วที่สุดในโลก และเป็นประเทศที่มีการใช้งานโมบายแบงกิ้งสูงที่สุดในโลกอีกด้วย