X
นั่งรถไฟ เที่ยว“ลพบุรี” มีเวลาแค่ 1 วัน ก็เที่ยวได้!

นั่งรถไฟ เที่ยว“ลพบุรี” มีเวลาแค่ 1 วัน ก็เที่ยวได้!

25 เม.ย 2567
1640 views
ขนาดตัวอักษร

25 เม.ย.67 - การพักผ่อน ผ่อนคลาย จากชีวิตการทำงานที่วุ่นวาย ของแต่ละคนนั้นมีวิธีต่างกัน...การหลีกหนีจากสถานที่ที่คุ้นเคยจำเจ ไปในสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยผู้คนแปลกตา บรรยากาศและสถานที่แปลกใหม่  ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกที่ดี ของหลายคนที่เลือกใช้เพื่อการผ่อนคลาย จากเหตุผลทั้งหมดจึงเป็นที่มาของทริป “1 วันนั่งรถไฟ...เที่ยวใกล้กรุง” “นั่งรถไฟ เที่ยว “ลพบุรี” มีเวลาแค่ 1 วัน ก็เที่ยวได้!”

เหตุผลหลักของการเลือกเดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟ คือ ค่าใช้จ่ายในเดินทางที่แสนประหยัด แถมในระหว่างทางเราได้ชมวิวทิวทัศน์ วิถีชีวิต 2 ข้างทางรถไฟ ที่ไม่เหมือนวิว 2 ข้างถนน ครั้งนี้มีวันว่างอยู่ 1 วัน เราเลือกที่จะเดินทางไปจังหวัดใกล้ๆกรุงเทพ มีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ ในครั้งนี้เลือกเดินทางไปที่ จังหวัดลพบุรี


​การเดินทางเริ่มต้น เวลา 7.00 น. ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เมื่อเดินทางถึงแล้วให้ไปที่ประตู 4 เพื่อซื้อตั๋วรถไฟเพื่อไปลงที่ จ.ลพบุรี วันนี้เลือกเดินทางโดย ขบวนที่ 111 รถเร็ว (กรุงเทพอภิวัฒน์-เด่นชัย) โดยจะออกจากสถานีต้นทางเวลา 07.30 น. (ค่าตั๋วรถไฟรถนั่งชั้น 2 พัดลม ราคา 91 บาท, รถนั่งชั้น 3 พัดลม ราคา 57 บาท ) และเดินทางถึงสถานีรถไฟจังหวัดลพบุรี ในเวลา 09.42 น.  


เมื่อพูดถึงจังหวัดลพบุรี คนส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงลิงเพราะมีลิงอยู่ในเมืองร่วมกับคนเป็นจำนวนมาก ที่ “สถานีรถไฟลพบุรี” ก็เช่นกัน สถานที่บริเวณตัวสถานีมีรูปปั้นลิงต้อนรับอยู่ตรงชานชลาให้เราได้ถ่ายรูป ไม่ต้องไปเสี่ยงเจอกับลิงตัวเป็นๆ ส่วนภายในอาคารสถานีจัดได้อย่างเป็นระเบียบ สะอาด มีโปสเตอร์ป้ายเตือนย้อนยุค ย้อนกลับไปยุคสมัยก่อนติดตั้งไว้ให้ถ่ายรูปเช็กอิน ทำให้ถึงความหลังสมัยตอนเด็กๆ


ด้านหน้าสถานีรถไฟจะมีรถถีบ และวินรถมอเตอร์ไซด์ให้บริการ แต่ถ้ามาถึงเช้าแบบนี้ก็ต้องไปหาอาหารเช้าทานกันก่อน ในครั้งนี้เราเลือกที่จะเดินทางโดยรถถีบ ให้พาไปร้านอาหารเช้าที่แนะนำ ระหว่างทางลุงเล่าให้ฟังว่า 

“ตอนนี้รถถีบเหลืออยู่ไม่กี่คัน คนหันไปใช้โดยสารรถที่รวดเร็วกว่า คนที่มาใช้บริการส่วนใหญ่คือนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวชาวไทย” 


ไม่นานก็มาถึงร้านที่ลุงแนะนำ “ร้านโจ๊กซ้งเจ้าเก่า” ตั้งอยู่ซอยตรงข้ามกับทางเข้าประตูวัง เปิดตั้งแต่ ประมาณ 05.00 ถึง 13.00 น. มีทั้งโจ๊ก ข้าวมันไก่ ต้มเลือดหมู ข้าวหน้าเป็ด และก๋วยเตี๋ยวเป็ด อิ่มท้อง อร่อยปาก แถมราคาสบายกระเป๋าด้วย


หลังจากที่เรากินอาหารเช้ากันแล้ว ก็สามารถเดินไปไม่ไกลเพื่อเข้าชม “พระนารายณ์ราชนิเวศน์” ได้เลย “พระนารายณ์ราชนิเวศน์ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์” สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์องค์ที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยา (ครองราชย์ พ.ศ.2199 – 2231) 

“ทรงโปรดฯ ให้สร้างพระราชวังขึ้น ณ เมืองลพบุรี เมื่อ พ.ศ. 2209 โดยช่างชาวฝรั่งเศสและอิตาลีทำการออกแบบและก่อสร้างบนพื้นที่ 41 ไร่ สำหรับเป็นที่ประทับพักพระอิริยาบถ ล่าสัตว์ ออกว่าราชการ และต้อนรับแขกเมือง”

พระองค์ทรงโปรดฯ ให้สร้างพระที่นั่งจันทรพิศาลสำหรับออกว่าราชการ ประชุมขุนนางและข้าราชสำนัก พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท สำหรับราชทูตแขกเมือง และพระที่นั่งสุทธาสวรรย์สำหรับประทับส่วนพระองค์ โปรดประทับ ณ เมืองลพบุรีปีละ 8 – 9 เดือน ลพบุรีจึงมีฐานะเป็นราชธานีที่ 2 รองจากกรุงศรีอยุธยา ต่อมาเมื่อพระองค์สวรรคตในปี พ.ศ. 2231 เมืองลพบุรี จึงถูกลดฐานะมา จวบจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระราชวังของสมเด็จพระนารายณ์ และสร้างหมู่พระที่นั่งขึ้นใหม่ คือ พระที่นั่งพิมานมงกุฎและหมู่ตึกพระประเทียบ พระราชทานนามพระราชวังแห่งนี้ว่า พระนารายณ์ราชนิเวศน์



“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์” เดิมชื่อ ลพบุรีพิพิธภัณฑสถาน เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งตั้งอยู่ภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์


มีการแบ่งส่วนจัดแสดงออกเป็นสามอาคารซึ่งตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นกลางและพระราชฐานชั้นใน ได้แก่ พระที่นั่งพิมานมงกุฎ พระที่นั่งจันทรพิศาล และหมู่ตึกพระประเทียบในอาคารเหล่านี้ได้จัดแสดงโบราณวัตถุตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุครัตนโกสินทร์ที่พบภายในจังหวัดลพบุรีและใกล้เคียง รวมทั้งมีการจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ อันแสดงถึงวิถีชีวิตของคนในลุ่มน้ำภาคกลาง 


ส่วนอาคารสำนักงานพิพิธภัณฑ์ เป็นอาคารทรงปั้นหยาสีเขียว ตั้งแยกออกมาต่างหากในเขตพระราชฐานชั้นนอกใกล้กับประตูพระนารายณ์ราชนิเวศน์ด้านถนนสรศักดิ์ เดิมเป็นจวนผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี 


พระนารายณ์ราชนิเวศน์ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ เปิดทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์และวันอังคาร) เวลา 08.30 - 16.00 น. (วันหยุดนักขัตฤกษ์วันหยุดพิเศษ ติดต่อสอบถามล่วงหน้า เบอร์โทร :036411458 ) มีอัตราค่าบริการ ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท


อีกทีเที่ยวที่ต้องมา แถมได้ตามรอยละครดังด้วย นั้นก็คือ “บ้านหลวงรับราชทูต หรือบ้านวิชาเยนทร์” ถูกสร้างขึ้นสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช   เพื่อรับรองเอกอัครราชทูตจากฝรั่งเศสของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งเป็นทูตจากฝรั่งเศสชุดแรกที่เข้ามาเจริญพระราชไมตรี เมื่อ พ.ศ. 2228 ก็ได้พัก ณ สถานที่นี้จึงได้ชื่อว่า “บ้านหลวงรับราชทูต” ในตอนปลายรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ขุนนางสำคัญในสมัยนั้นเคยพักอยู่ที่นี่ จึงเรียกตึกนี้ว่า “บ้านเจ้าพระยาวิชาเยนทร์” อีกชื่อหนึ่ง


อาคารของบ้านหลวงรับราชทูตเป็นอาคารที่สร้างด้วยอิฐ ตามรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา มีกำแพงล้อมโดยรอบพื้นที่บริเวณบ้านหลวงรับราชทูตแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ


⬅️ส่วนทางทิศตะวันตกเป็นกลุ่มอาคาร ได้แก่ ตึกสองชั้นหลังใหญ่ ก่อด้วยอิฐและอาคารชั้นเดียวแคบยาว ซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม

ส่วนกลางมีอาคารที่สำคัญ คือ ฐานของสิ่งก่อสร้างซึ่งเข้าใจว่าเป็นหอระฆัง และ โบสถ์คริสตศาสนา   ซึ่งอยู่ทางด้านหลังซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปจั่ว

➡️ส่วนทิศตะวันออก ได้แก่ กลุ่มอาคารใหญ่ 2 ชั้น มีบันไดขึ้นทางด้านหน้าเป็นรูปครึ่งวงกลม ซุ้มประตูทางเข้ามีลักษณะเช่นเดียวกับทางทิศตะวันตก



หลักจากท่องเที่ยวมาจนถึงช่วงเที่ยง เราก็มีอาหารกลางวันแนะนำอยู่ 2 ร้าน 2 สไตล์


📌ร้านแรก ร้านป้าทีปผัดไทย เป็นร้านรถเข็นข้างทาง มีโต๊ะให้นั่งอยู่ 1 โต๊ะ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับรั้วพิพิธภัณฑ์วังนารายณ์ ผัดไทยโบราณ สูตรดั่งเดิม เปิดมายาวนานมากกว่า 50 ปี อร่อยแบบไม่ต้องปรุง  


📌ร้านที่ 2 ที่แนะนำ คือ ร้านผัดไทยบุรี เป็นร้านอาหารห้องแอร์ จะอยู่ติดถนนและอยู่ตรงข้ามประตูชัยบุรี มีเมนูให้เลือกหลากหลาย แต่เมนูเด็ดของร้านที่มาแล้วพลาดไม่ได้เลย คือ ผัดไทยและกะเพรา ต้องสั่ง ผัดไทยบุรีกะเพราหอม, กะเพราถาดไก่ระเบิด, แซลมอนโคชูจัง, ข้าวไข่ข้นปู, ยำมหาสมุทร และ มีเมนูให้เลือกอีกมากมาย เบอร์โทรติดต่อ 09-1884-5002


สำหรับใครที่อย่าได้ฟิลเที่ยวฟาร์ม ให้อาหารสัตว์ แวะมาที่นี่ “วนะสุขใจฟาร์ม” เป็นฟาร์มเล็กๆ น่ารักและเป็นกันเองนี้ตั้งอยู่ที่ ตำบลป่าตาล จังหวัดลพบุรี มี เลี้ยงสัตว์สายพันธ์ต่างประเทศ


สัตว์ที่เป็นไฮไลท์คือ นกเค้าอินทรีย์ยูเรเซีย นกแก้วมาคอ จิ้งจอกทะเลทราย กวางดาวอินเดีย เซอร์วัลแคท นกอีมู เหยี่ยวแฮร์ริสฮอก เต่าซูคาต้า งูเหลือมทอง ฯลฯ คนที่มาเที่ยวสามารถเข้าไปสัมผัสสัตว์เลี้ยงในฟาร์มได้อย่างใกล้ชิด โดยมีเจ้าหน้าที่ฟาร์มคอยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด ค่าคูปองอาหารสัตว์ ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ฟาร์มเปิด วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10:00น. จนถึงพระอาทิตย์ตก โทรสอบถามข้อมูลได้ที่ เบอร์โทร 0642897964 (คุณมะนาว)


แวะชมความยิ่งใหญ่ของ “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี” ตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟลพบุรี ไม่มีหลักฐานที่ปรากฏแน่ชัดว่าวัดแห่งนี้สร้างขึ้นสมัยใด ภายในบริเวณวัดเมื่อเดินเข้าไปจะพบศาลาเปลื้องเครื่องเป็นสถานที่แรก ศาลาเปลื้องเครื่อง ใช้เป็นที่สำหรับพระเจ้าแผ่นดินเปลื้องเครื่องทรง ก่อนที่จะเข้าพิธีทางศาสนาในพระวิหาร หรือพระอุโบสถ 


ปัจจุบันศาลาเปลื้องเครื่องคงเหลือเพียงเสาเอนเท่านั้น ถัดจากศาลาเปลื้องเครื่องเป็นวิหารหลวง สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นวิหารขนาดใหญ่ ประตูทำเป็นเหลี่ยมแบบไทย หน้าต่างเจาะช่องแบบโกธิคของฝรั่งเศส ภายในวิหารมีฐานชุกชี ซึ่งเป็นประดิษฐานของพระพุทธรูปประจำเมืองลพบุรีที่สร้างขึ้นโดยความร่วมมือของจังหวัดลพบุรีและพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา 


ภายในวิหารหลวงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเป็นพระพุทธรูปปางสมาธินาคปรกที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่ง ขนาดหน้าตักกว้าง 1.5 เมตร สูง 3 เมตร แกะสลักจากหินทราย โดยได้รับประทานนามจาก สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกว่า พระพุทธลวบุรารักษ์ หมายถึง พระพุทธเจ้าทรงปกปักรักษาเมืองลพบุรี ทางทิศใต้ของวิหารหลวงเป็นพระอุโบสถขนาดย่อม ประตูหน้าต่างเป็นแบบฝรั่งเศสทั้งหมด ห่างไปทางทิศตะวันตกของวิหารหลวงเป็นพระปรางค์องค์ใหญ่ ก่อด้วยศิลาแลงโบกปูน มีเครื่องประดับลวดลายเป็นพระพุทธรูปและพุทธประวัติที่ลายปูนปั้น หน้าบันพระปรางค์แสดงถึงอิทธิพลของพุทธศาสนานิกายมหายาน และซุ้มโคปุระของปรางค์องค์ใหญ่เป็นศิลปะละโว้ มีลายปูนปั้นที่ถือว่างามมาก เดิมคงสร้างในสมัยขอมเรืองอำนาจ แต่ได้รับการซ่อมแซมในสมัยสมเด็จพระราเมศวร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และสมเด็จพระนารายณ์ฯ ลวดลายจึงปะปนกันหลายสมัย 


ปรางค์องค์นี้เดิมบรรจุพระพุทธรูปไว้เป็นจำนวนมาก ที่ขึ้นชื่อคือพระเครื่องสมัยลพบุรี เช่น พระหูยาน พระร่วง เป็นต้น มีการขุดพบเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ก็มีปรางค์รายตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มุมกลีบมะเฟืองทุกมุมปั้นเป็นรูปเทพพนมหันออกรอบทิศ พระพักตร์เป็นสี่เหลี่ยม พระขนงต่อกัน ลักษณะเป็นศิลปะแบบอู่ทอง ชฎาเป็นทรงสามเหลี่ยมมีรัศมีออกไปโดยรอบเป็นศิลปะที่งดงามมาก เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน


การเดินทางของทริป “1 วันนั่งรถไฟ...เที่ยวใกล้กรุง” ก็มาจบตรงที่การเดินทางกลับ ที่ สถานีรถไฟลพบุร มีรถไฟ 2 ขบวนที่สามารถเลือกเดินทาง ได้ ขบวนแรก คือรถด่วนพิเศษ ขบวน 8 (เชียงใหม่ -กรุงเทพอภิวัฒน์) รถเที่ยวนี้เป็นรถดีเซลรางนั่งปรับอากาศ ชั้น 2 จะมาถึงสถานีรถไฟลพบุรี เวลา 17.28 ถึงสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งเป็นสถานีปลายทางใน เวลา 18.55 น (ค่าตั๋วรถไฟชั้น 2 ปรับอากาศ ราคา 291บาท) ส่วนอีกขบวนที่เราสามารถเลือกที่จะเดินทางกลับได้ ราคาค่าโดยสารจะถูกกว่ารถด่วนพิเศษ  คือรถเร็วขบวน102 (เชียงใหม่ -กรุงเทพอภิวัฒน์) จะมาถึงสถานีรถไฟลพบุรี เวลา 18.06 น. ถึงสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์  ซึ่งเป็นสถานีปลายทางใน เวลา 20.25 น. (ค่าตั๋วรถไฟรถนั่งชั้น 2 พัดลม ราคา 91บาท ,รถนั่งชั้น 3 พัดลม ราคา57บาท )

สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาเดินทางท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน เป็นระยะเวลาหลายวัน การหาเวลาไปพักผ่อนในวันหยุดสั้นๆ เพียงแค่ 1 วัน one day trip  ก็ทำให้คุณได้ออกห่างจากความเครียด ความจำเจเดิม ๆ เติมพลังชีวิตได้ดีเลยทีเดียว

อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2018 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล