อัยการคุ้มครองสิทธิ ฯ
เชิญผู้ประสบปัญหาทางกฎหมายเข้ารับคำแนะนำได้แม้ในวันเสาร์ หรือ ใช้สายด่วน 1157 ขอคำปรึกษาได้
โดยสามารถขอคำปรึกษาได้ทั้งข้อปัญหาทางแพ่ง และ ทางอาญา
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) เปิดเผยว่า นอกจากพนักงานอัยการจะมีบทบาทเป็นทนายความแผ่นดิน ยังมีอัยการคุ้มครองสิทธิ ฯ ที่คอยทำงานให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนในทุกเรื่อง อย่างคดีแพ่ง เช่น ร้องขอจัดตั้งผู้จัดการมรดก การประนีประนอมหนี้สิน การให้ความช่วยเหลือด้านการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ การจัดทำนิติกรรมสัญญา ส่วนคดีอาญา อัยการคุ้มครองสิทธิ ฯ ก็มีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือผู้เข้ารับคำปรึกษาไม่ว่าจะอยู่ในสถานะผู้เสียหาย หรือ ผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา ก็สามารถมาขอคำแนะนำเพื่อนำไปใช้ในการตัดสินใจแนวทางการต่อสู้ในคดีของตัวเองได้ โดยที่ผ่านมา สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ทั้ง 117 แห่งทั่วประเทศ ได้เปิดให้คำปรึกษาวันจันทร์ถึงศุกร์ ช่วงเวลาทำการตั้งแต่ เวลา 8.30 -16.30 นาฬิกา แต่ยังมีอุปสรรคทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงบริการส่วนนี้ได้ เนื่องจากผู้ประสบปัญหาทางกฎหมายมีภาระหน้าที่การงาน บางส่วนเป็นลูกจ้างกินเงินรายวัน ลางานแต่ละวันก็ขาดรายได้ทันที ขณะที่กลุ่มผู้ชราภาพที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวองได้เหมือนคนหนุ่มสาวก็ต้องรอลูกหลานในวันหยุดถึงจะมีคนพามาพบพนักงานอัยการเพื่อขอคำปรึกษาได้ นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุดหญิงคนแรกของประเทศไทย จึงได้อนุมัติให้สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เปิดทำการในวันเสาร์เพิ่มเวลา 8.30 -16.30 นาฬิกา เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน นอกจากนี้ยังเพิ่มสายด่วนหมายเลข 1157 เปิดรอรับสายให้คำปรึกษาและตอบคำถามผู้มีทุกข์ร้อนต่างๆ
นายโกศลวัฒน์ ยังเล่าถึงกรณีศึกษาซึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว
มีหญิงรายหนึ่ง ในอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งตกเป็นข่าวการทำร้ายตัวเองหลังถูกปัญหาหนี้นอกระบบรุมเร้า
อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายจังหวัดอุบลราชธานี
จึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบพบหญิงรายดังกล่าวมีหนี้นอกระบบจากการค้ำประกันพนี้สินให้เพื่อนจำนวน
48,000 บาท กับเจ้าหนี้ถึง 6 คน ต้องผ่อนจ่ายรายวันเป็นเงิน 2,000 บาท ต่อ วัน
ทั้งที่อาชีพขายผลไม้รถเข็นของเธอมีรายได้ 700 -1,200 บาท ต่อวันเท่านั้น
และยังมีภาระเลี้ยงดูลูกสาวอายุ 10 ขวบ อีกหนึ่งคน อัยการจึงได้เปิดให้มีการเจรจาประนอมหนี้เหลือ
30,350 บาท พร้อมกับติดต่อสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ จังหวัดอุบลราชธานี
ช่วยเหลือลูกสาวของเธอให้ได้รับทุนการศึกษา รวมทั้งติดต่อธนาคารออมสิน หารือแนวทางในการช่วยเหลือ
ซึ่งธนาคารออมสิน เสนอให้ใช้ช่องทางการขอกู้เงินตามโครงการธนาคารประชาชนเพื่อแก้ไขหนี้นอกระบบ
ตามนโยบายรัฐบาล โดยธนาคารออมสินได้ผ่อนผันหลักเกณฑ์ในการพิจารณาและเร่งรัดอนุมัติเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้เธอภายใน
3 สัปดาห์
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาโดนมิจฉาชีพหลอกลวงเงินอ้างว่าเอาวิ่งเต้นคดีให้ซึ่งเป็นการเพิ่มปัญหาให้ชีวิต ซึ่งเรื่องราวแบบนี้พบเห็นมากขึ้นในสังคม จึงขอให้ท่านผู้ประสบปัญหาในชีวิต ที่ยังขาดความรู้ มองไม่เห็นทางรอด มาพบอัยการเพื่อรับคำปรึกษา พอท่านมีความรู้ก็จะเห็นทางรอด แล้วนำข้อแนะนำนั้นไปตัดสินใจด้วยตัวเอง
