การประมูลคลื่นความถี่ สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่ ย่าน 850 เมกะเฮิรตซ์ 1500 เมกะเฮิรตซ์ 2100 เมกะเฮิรตซ์ และ 2300 เมกะเฮิรตซ์ ในวันที่ 29 มิ.ย. ที่มีผู้เข้าประมูล 2 ราย คือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส [ADVANC] และ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
สืบศักดิ์ สืบภักดี เลขาธิการ สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมป์ มองการแข่งขันในครั้งนี้ว่า การประมูลน่าจะไม่ยืดเยื้อข้ามวัน เพราะไม่มีอะไรซับซ้อน ระดับราคาคงไม่ได้ดันราคาสูงมากเกินไปแม้ว่า ผู้เข้าประมูลจะมีความต้องการคลื่นย่านเดียวกันเพื่อนนำไปให้บริการตามที่ทีการใช้งานอยู่ ความจำเป็นในการใช้งานคลื่นความถี่เป็นเรื่องสำคัญ เพืีอรองรับการแข่งขันในปัจจุบันและอนาคต
“ เรื่องเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่า ทั้งในแง่การให้บริการและการใช้ทรัพยากรซึ่งในกรณีนี้คือคลื่นความถี่ได้มีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ทั้งนี้เรื่องการ support ผู้ใช้บริการเทคโนโลยีเดิม ก็เป็นสิ่งที่ต้องดูแลและนำมาพิจารณาด้วย ”
เลขาธิการ สมาคมโทรคมนาคม กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเทคโนโลยี 5G ให้บริการ และผู้ให้บริการยังคงไม่ได้ปิดบริการ 4G 3G และ 2G ซึ่งต้องยอมรับว่าการใช้ความถี่ หรือสเปคตั้มได้อย่างวคุ้มค่าต่างกัน
ในอนาคตอันใกล้ และระยะกลาง จะช้าจะเร็วอย่างไรผู้ให้บริการก็จะพิจารณาเทคโนโลยีเก่าๆ อาทิ 2G หรือ 3G เป็นไปตามธรรมชาติของการให้บริการ และหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งการพิจารณาปิดนนั้น มีปัจจัยที่ต้องพิจารณา รวมถึงองค์กรกำกับดูแลอนุญาต และต้องพิจารณาเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการทราบ หรืออาจต้องมีมาตรการรองรับกับผู้ที่อาจได้รับผลกระทบด้วย “
สำหรับการดูแลผู้บริโภค” กสทช. เคยวางหลักเกณฑ์ให้ผู้ให้บริการในประเทศพิจารณาการปิดบริการ 2G มาหลายปีแล้ว แต่เนื่องจากยังคงมีผู้ใช้บริการบางส่วนยังใช้งานอยู่ แม้จะไม่มาก 4-5 แสนราย แต่ต้องมั่นใจว่าจะไม่กระทบ รวมถึงในระดับโลก มีหลายประเทศทั่งโลกได้ยุติบริการ 2G ไปเเล้ว อาทิ สิงคโปร์ หรือสหรัฐอเมริกา “
ส่วนเงื่อนไขกานประมูลที่กสทช.กำหนดให้ผู้ที่ได้คลื่นไปต้องทำเน็ตเวิร์คระดับตำบล จะเป็นปัจจัยให้ โอเปอคิดหนักหรือไม่ “มองว่า ไม่น่าเป็นประเด็นสำหรับรายเก่า แต่ถ้าเป็นอยากที่หลายฝ่ายเรียกร้องว่าขอหน้าใหม่เข้าประมูล เงื่อนไขนี้คงทำให้รายใหม่ลำบาก เเละไม่เอื้อ
การประมูลคลื่นความถี่ในครั้งนี้ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.) คลื่นความถี่ย่านต่ำ (Low Band) ได้แก่ คลื่นความถี่ ย่าน 850 Mitz 2.) คลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) ได้แก่ คลื่นความถี่ย่าน 2100 MIHz 2300 MHz เป็นคลื่นความถี่ย่านที่มีการใช้งานสำหรับบริการโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ในปัจจุบันและ 3.) คลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) ย่าน 1500 MHZ ซึ่งไม่มีการใช้งานสำหรับบริการโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ในปัจจุบัน
คลื่นความถี่ย่านต่ำ Low Band) ย่าน 850 MIHz ช่วงความถี่วิทยุ 824 – 834 MH2 คู่กับ 869 – 879 MHz ราคาขั้นต่ำต่อชุดเป็นจำนวนเงิน 7,738.23 ล้านบาท จำนวน 2 ชุด ชุดละ 2 x 5 MHz
ส่วนคลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) ที่มีการใช้งานสำหรับบริการโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ในปัจจุบัน ย่าน 2100 MHz ช่วงความถี่วิทยุ 1965 – 1980 MHz คู่กับ 2155 – 2170 MHz มีราคาขั้นต่ำต่อชุดเป็นจำนวนเงิน 4,500 ล้านบาท จำนวน 3 ชุด ชุดละ 2 x 5 MHZ
ส่วนย่าน 2300 MHZ ช่วงความถี่วิทยุ 2300 – 2370 MHz มีราคาขั้นต่ำต่อชุดเป็นจำนวนเงิน 2,596.15 ล้านบาท จำนวน 7 ชุด ชุดละ 10 MHz และคลื่นความมี่ย่านกลาง (Mid Band) ที่ไม่มีการใช้งาน สำหรับบริการโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่ในปัจจุบัน ขณะที่ย่าน 1500 ช่วงความถีวิทยุ 1452 – 1507 MiHz มีราคาขั้นต่ำต่อชุดเป็นจำนวนเงิน 1,057.49 ล้านบาท จำนวน 11 ชุด ชุดละ 5 MHZ