X
เอกชน ผนึก  รง.ปุ๋ย ทำ

เอกชน ผนึก รง.ปุ๋ย ทำ "ปุ๋ยพร้อมใช้ แบ่งจ่ายสองรอบ"

22 พ.ค. 2568
20 views
ขนาดตัวอักษร

นายปวัตร วงษ์ชูแก้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮลท์ อินโนเวชั่น โปรดักส์ จำกัด  ในฐานะบริษัทเจ้าของโครงการ ปุ๋ยพร้อมใช้ แบ่งจ่ายสองรอบ กล่าวว่า การค้าปุ๋ยในลักษณะเงินผ่อน มีการทำกันอย่างแพร่หลายอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่การให้เกษตรกรซื้อปุ๋ยเงินผ่อนแล้วสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ด้วย และมีพี่เลี้ยงที่เชี่ยวชาญด้านการเกษตรคอยให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรด้วย ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่เราจะต้องทำ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรให้กับเกษตรกรในประเทศ

             

"โครงการ ปุ๋ยพร้อมใช้ แบ่งจ่ายสองรอบ สามารถช่วยเกษตรกรได้ 5 เรื่องหลัก ก็คือ 1. เกษตรกรมีโอกาสซื้อสินค้าคุณภาพในราคาที่ต่ำ 2. ทำให้เกษตรกรมีโอกาสในการลดต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้น 3. โครงการเปิดโอกาสให้เกษตรกรสามารถจ่ายเงินค่าสินค้า 50% หลังเก็บเกี่ยวได้ และ 4. ช่วยให้เกษตรกรสามารถปรับปรุงดินในพื้นที่ของตัวเองให้ดีขึ้น เพราะปัจจุบันเราพบว่าดินในการทำเกษตรของบ้านเรากลับแย่ลงทุกวัน จึงส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืชอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และข้อสุดท้ายคือ 5. ประโยชน์จากการที่เกษตรกรมีพี่เลี้ยง"

นายปวัตร กล่าวต่อว่า สำหรับสินค้าที่เรานำเข้ามาร่วมในโครงการครั้งนี้มีทั้งหมด 5 สูตรด้วยกัน ซึ่งทั้ง 5 สูตรนอกจากจะมีสูตรปรับปรุงดินแล้ว อีก 4 สูตร ยังให้ธาตุอาหารครบทั้งธาตุหลัก ธาตุรอง และธาตุเสริม ครบตามที่พืชต้องการอีกด้วย


"ทั้ง 5 สูตรนี้ เกษตรกรสามารถนำไปใช้ได้ตั้งแต่ช่วงการปรับปรุงดิน, ช่วงพืชปลูกใหม่หรือช่วงบำรุงพืชหลังเก็บเกี่ยว, ช่วงเร่งการแตกตาแตกดอกของพืช และ ช่วงบำรุงผลผลิตก่อนเก็บเกี่ยวโดยที่เกษตรกรไม่จำเป็นต้องซื้อปุ๋ยชนิดอื่นมาเพิ่มเติม"

             

นายปวัตร กล่าวต่อว่า สินค้า 1 ชุดสามารถนำไปใช้ได้ 10 ไร่ เราจัดจำหน่ายให้เกษตรกรในชุดละ 3,900 บาท ซึ่งต้นทุนจะตกเพียงไร่ละ 390 บาทเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรโดยรวมได้ไม่ต่ำกว่า 30-50% ส่วนการจัดส่งสินค้าจะเป็นลักษณะการจัดส่งแบบเก็บเงินปลายทาง

              

นอกจากนั้น เรายังเปิดโอกาสให้เกษตรกรจ่ายเงินค่าสินค้าก้อนแรกแค่ 50% ส่วนอีก 50% ที่เหลือเราผ่อนผันให้เกษตรกรนำมาจ่ายให้กับเราหลังการเก็บเกี่ยวได้ ในขณะที่การจัดส่งสินค้าจะเป็นลักษณะการจัดส่งแบบเก็บเงินปลายทาง ดังนั้น โครงการนี้จึงเป็นโครงการที่ดีและเหมาะสมต่อการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรในยุคปัจจุบันมากที่สุด  นายปวัตร กล่าวและทิ้งท้ายว่า 

หลังจากการเปิดตัวโครงการในครั้งนี้ เรามีเป้าหมายการช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้เดือนละ 10,000-20,000 ไร่ต่อเดือน ส่วนเป้าหมายในปีถัดไปนั้น วางเป้าหมายไว้ที่ 100,000-200,000 ไร่ ต่อเดือน

             

สาเหตุที่ทำให้เรามั่นใจว่าโครงการนี้จะสามารถเติบโตได้ในระยะยาวมาจากคุณภาพของสินค้าที่เรามั่นใจว่าสามารถตอบสนองความต้องการให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี รวมถึงโครงการของเราสามารถช่วยลดต้นทุนเพิ่มผลกำไรให้กับเกษตรกรได้ ที่สำคัญเรายังมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรคอยเป็นพี่เลี้ยงให้กับเกษตรกรในเรื่องเทคนิคการใส่ปุ๋ย และการทำเกษตรที่ถูกต้อง ผ่านระบบออนไลน์เซอร์วิสของเราที่เกษตรกรสามารถทักเข้ามาขอความรู้ต่างๆได้ โดยที่เราจะมีผู้เชี่ยวชาญทางการเกษตรคอยแก้ปัญหาให้

              

“นับจากนี้เป็นต้นไปก็อยู่ที่พี่น้องเกษตรกรไทยว่าจะเชื่อมั่นในโครงการของเราและให้โอกาสเราได้นำสินค้าไปให้บริการแก่ท่านมากน้อยขนาดไหน” นายปวัตร กล่าว

                

ด้าน นาย กฤษชนก ตัณฑเศรณีวัฒน์ ประธานกลุ่มโรงงานผลิตปุ๋ยเครือ ภาคภูมิ กรุ๊ป ในฐานะโรงงานผลิตสินค้าและผู้ออกแบบสูตร เปิดเผยว่า กลุ่มโรงงานผลิตปุ๋ยในเครือ ภาคภูมิ กรุ๊ป ของเรา มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนบริษัทเอกชนในการนำโครงการดีๆ อย่างนี้ ออกไปช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ซึ่งถือเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรได้ตรงจุด

               

นายกฤษชนก กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันโรงงานของเราเปิดดำเนินกิจการมากว่า 27 ปี ถือเป็นโรงงานผลิตปุ๋ยครบวงจรขนาดใหญ่ และเป็นโรงงานส่งวัตถุดิบปุ๋ยให้กับโรงงานปุ๋ยต่างๆ ที่ต้องการ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งโรงงานมีเนื้อที่มากกว่า 800 ไร่ มีกำลังการผลิตประมาณ 5,000 ตันต่อวันในประเภทปุ๋ยเม็ด และมีกำลังผลิตประมาณ 100,000 ขวดต่อวัน ในประเภทปุ๋ยน้ำ ซึ่งเรามั่นใจว่าจะสามารถรองรับการผลิตจากการเติบโตของโครงการนี้ได้เป็นอย่างดี

              

"สินค้าที่โรงงานผลิตให้ในโครงการนี้ขอให้เกษตรกรทุกคนมั่นใจได้เลยว่าเป็นสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ ที่เกษตรกรนำไปใช้แล้วมีความคุ้มค่าอย่างแน่นอน" กฤษชนก กล่าว


นายชวริจณ์ ประสิทธิ์ภูพัน ในฐานนะ ที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนในฐานะที่ดูแลด้านการตลาดให้กับโรงงานผลิตปุ๋ย และบริษัทเอกชน ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าด้านการเกษตร รวมถึงปัจจุบันยังเป็นวิทยากรให้ความรู้ด้านการเกษตรแก่เกษตรกร มามากกว่า 10 ปี จากประสบการณ์การลงพื้นที่ รวมทั้ง ได้พบปะกับเกษตรกรทั้งในประเทศและต่างประเทศ พบว่ามีปัญหาด้านการเกษตรที่คล้ายคลึงกัน

              

นายชวริจณ์ กล่าวว่า "ปัญหาหลักในการทำการเกษตรในปัจจุบันมี 5 เรื่องด้วยกันก็คือ 1. ปัญหาเรื่องของคน ที่ขาดวินัย และขาดความรู้ในด้านการทำเกษตรที่ถูกต้อง โดยเฉพาะการใส่ปุ๋ยที่ถูกต้อง การให้ธาตุอาหารที่ตรงกับความต้องการของพืช 2. ปัญหาของดินพบว่าดินในปัจจุบันมีปัญหาทั้งระบบ โดยเฉพาะความเป็นกรด และการขาดธาตุอาหารในดินที่มีน้อยลงทุกวัน 3. ปัญหาของพืช ซึ่งเกิดความเชื่อมโยงมาจากคน และดิน ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืชโดยตรง ทำให้เกษตรกรต้องใส่ปุ๋ยในปริมาณที่มากขึ้น 4. ปัญหาที่เกิดมาจากปุ๋ย อาทิ ปุ๋ยคุณภาพต่ำ, ปุ๋ยแพง, ปุ๋ยปลอม ที่ยังคงสร้างปัญหาให้เกษตรกรในปัจจุบัน และ 5. ปัญหาด้านการตลาด ซึ่งเป็นภาพใหญ่ที่ต้องถูกได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ พร้อมกับการให้ความรู้ด้านการตลาดให้กับเกษตรกรซึ่งตรงนี้เกษตรกรยังขาดความรู้อยู่อีกมาก

             

นายชวริจณ์ กล่าวทิังท้ายว่า การที่มีเอกชน และโรงงานผลิตปุ๋ย มาร่วมมือกันสร้างโครงการช่วยเหลือเกษตรกรในแนวแบบนี้ออกมา ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเกษตรกร โดยเฉพาะการช่วยให้เกษตรกรได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ และการช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนเพิ่มกำไรได้ รวมถึงการเล็งเห็นถึงความสำคัญในการฟื้นฟูสภาพดินในพื้นที่การเกษตรในปัจจุบัน และการสรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเกษตรมาคอยเป็นพี่เลี้ยงให้กับเกษตรกรอีกทางหนึ่ง ซึ่งตรงนี้หากทำได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรอย่างมาก นายชวริจณ์ กล่าว

Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)