29 เม.ย.64 - ก่อนที่ร้านขนมไทยเจ้าหนึ่งในจังหวัดสมุทรสงคราม จะมีขนมหวานจำลองเลียนแบบพระเครื่อง ที่ได้รับทั้งคำชื่นชมและไม่เห็นด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ในหลายประเทศ อย่างเช่นญี่ปุ่นก็ได้นำพระพุทธรูปมาเป็นต้นแบบผลิตขนมหวานขาย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นการผสานวัฒนธรรม ความเชื่อ และยุคสมัยใหม่ที่เข้ากัน และอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว
เป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล กับกระแสตอบรับร้านขนมแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสงคราม ที่ไอเดียบรรเจิดทำขนมอาลัวรูปแบบใหม่ “พิมพ์นิยม” ปั้นอาลัวเป็นรูปพระเครื่อง เลียนแบบเครื่องรางของขลังที่เป็นที่นิยมของชาวไทยกระแสดีจนถึงขั้นมียอดสั่งซื้อจำนวนมาก แต่ก็มีอีกกระแสที่ออกมาต่อต้านความคิดสร้างสรรค์นี้ ว่าอาจกระทบจิตใจชาวพุทธได้ ที่นำสิ่งเคารพบูชามาผลิตเป็นอาหารลักษณะเช่นนี้
ซึ่งล่าสุดเจ้าของร้านจำใจทำตามคำขอสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ยกเลิกยอดสั่งซื้อแล้วทั้งหมด และยืนยันจะไม่ผลิตขนมเลียนแบบพระเครื่องอีก แม้จะเป็นการประกอบอาชีพ “โดยสุจริต” ก็ตาม
แต่นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่สัญลักษณ์ทางศาสนา โดยเฉพาะศาสนาพุทธ ถูกนำมาต่อยอดด้วยความคิดสร้างสรรค์ ผสมผสานวัฒนธรรมเก่า กับโลกยุคปัจจุบัน ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นที่ประเทศญี่ปุ่น พระพุทธรูปถูกนำมาเป็นต้นแบบผลิตขนมของร้านขนมชื่อดังหลายแห่ง ซึ่งต่างได้รับความนิยมอย่างมาก กลายเป็นจุดเช็กอินประจำเมืองที่ใครไปก็ต้องไม่พลาดที่จะแวะเวียนไปอุดหนุน
อย่างที่เมืองคามาคุระ คานางาวะ หรือเมืองพระใหญ่ไดบุสึ ที่นักท่องเที่ยวนอกจากจะมาสักการะพระใหญ่ ยังพบกับร้านขนม ของฝาก ที่เป็นรูปของพระพุทธรูปจำนวนมาก
เช่น ร้านเครป KANNON COFFEE kamakura ที่นอกรสชาติเครปเย็นที่แสนอร่อยแล้ว ยังท็อปปิ้งด้วยขนมปังพระพุทธรูปอีกด้วย เป็นสินค้ายอดนิยมที่ไม่พลาดจะต้องลองซื้อมาชิม
หรือร้านไทยากิ ที่ทำขนมไทยากิรูปพระพุทธรูปที่กัดได้เต็มคำ ไส้ล้นทะลักออกมาเป็นสินค้าขึ้นชื่อของเมือง
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับพระพุทธรูป สัญลักษณ์ของเมืองอีกจำนวนมาก ทั้งช็อกโกเลต หรือแม้แต่ข้าวโพดคั่วก็ทำถ้วยใส่ในรูปแบบหน้าพระใหญ่เช่นกัน
ข้ามไปที่ประเทศฟิลิปปินส์ เองก็มีร้านชานมที่เลียนแบบพระพุทธรูป ชื่อร้าน “Bobaism” หรือ “ร้านชานมพระเกศา” ที่สร้างลูกเล่นให้แก้วชานมไข่มุก มองดูคล้ายเกศาของพระพุทธรูป เป็นไฮไลท์ที่เรียกลูกค้า และสร้างความสนใจให้กับพระพุทธรูปมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามการผลิตสินค้า หรืออาหารต่างๆ ที่นำสิ่งเคารพบูชา หรือมีความเชื่อความศรัทธาเกี่ยวเนื่อง จำเป็นต้องอยู่บนความเหมาะสม ไม่ล้ำเส้นเกินพอดี เพื่อให้ไอเดียสร้างสรรค์ ศิลปะ วัฒนธรรม ศาสนา และความเชื่ออยู่ร่วมกันและพัฒนาต่อยอดร่วมกันได้อย่างยั่งยืน เพื่อรักษามรดกทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไป