พุทธศักราช 2565 เป็นปีนักษัตร “ปีขาล” หรือ “ปีเสือ” ตามความเชื่อของชาวล้านนา ผู้ที่เกิดในปีนักษัตรนี้จะต้องไปกราบไหว้บูชา “พระธาตุช่อแฮ” ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายใน “วัดพระธาตุช่อแฮ” ต.ช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ พระธาตุช่อแฮ เป็นวัดที่ตั้งอยู่เนินเขาเตี้ย สูงประมาณ 28 เมตร องค์พระธาตุช่อแฮ เป็นเจดีย์พุกามรูปแปดเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ศิลปะแบบเชียงแสน บุด้วยทองดอกบวบสูง 33 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 11 เมตร ลักษณะองค์พระธาตุตั้งอยู่บนฐานเขียงสี่เหลี่ยม 1 ชั้น ถัดขึ้นไปเป็นฐานหน้ากระดานแปดเหลี่ยม 3 ชั้นรองรับ ถัดไปเป็นฐานบัวคว่ำและชุดท้องไม้แปดเหลี่ยม ซ้อนลดชั้นกันขึ้นไป 7 ชั้น จากนั้นเป็นบัวระฆัง 1 ชั้น และหน้ากระดานหนึ่งชั้น จนถึงองค์ระฆังแปดเหลี่ยม ถัดขึ้นไปเป็นบัลลังค์ย่อมุมไม้สิบสองและปล้องไฉน ส่วนยอดฉัตรประดับตกแต่งด้วยเครื่องบนแบบล้านนา หุ้มด้วยทองจังโก้ตลอดทั้งองค์ มีรั้วเหล็กรอบองค์พระธาตุ 4 ทิศ มีประตูเข้าออก 4 ประตู แต่ละประตูได้สร้างซุ้มแบบปราสาทล้านนาไว้อย่างสวยงาม
พระธาตุช่อแฮ เป็นโบราณสถานอายุเก่าแก่กว่าพันปี ที่อยู่คู่เมืองแพร่มาช้านาน สำหรับตำนานความเป็นมาของพระธาตุแห่งนี้ มีอยู่ 2 ตำนานหลักด้วยกัน ได้แก่
ตำนานพระธาตุช่อแฮในพระราชพงศาวดารว่าด้วยกรุงสุโขทัย ระบุว่า วัดพระธาตุช่อแฮว่า สร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ. 1879-1881 โดย “ขุนลัวะอ้ายก้อม” ได้สร้างเจดีย์ขึ้นที่ “ดอยโกสิยธชัคบรรพต” (สถานที่ตั้งพระธาตุช่อแฮ) และได้นำพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับพระราชทานจาก “พระมหาธรรมราชา (ลิไท)” (เมื่อครั้งเป็นพระมหาอุปราชครองเมืองศรีสัชนาลัย) มาบรรจุไว้ใต้ฐานเจดีย์แห่งนี้ ซึ่งก็คือพระธาตุช่อแฮในปัจจุบัน
ตำนานพระธาตุช่อแฮในตำนานพระเจ้าเลียบโลก ระบุว่า ในอดีตเมื่อครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จมาที่เมืองพล (เมืองแพร่) ได้ประทับที่ “ดอยโกสิยธชัคคะบรรต” หัวหน้าชาวลัวะคือ “ขุนลัวะอ้ายก้อม” ได้มากราบไหว้ พระพุทธองค์ได้แสดงปาฏิหาริย์ และได้ประทานพระบรมสารีริกธาตุ (พระเกศาธาตุ) เป็นที่ระลึก พร้อมทั้งรับสั่งว่าหลังพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพานไปแล้ว ให้นำพระบรมสารีริกธาตุพระข้อศอกข้างซ้าย มาบรรจุไว้ ณ สถานที่นี้ ที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพระธาตุช่อแฮ
ชื่อพระธาตุ “ช่อแฮ” สันนิษฐานว่าเพี้ยนมาจาก “ช่อแพร” โดยคำว่า “แพร” ก็คือผ้าแพร ซึ่งเชื่อว่ามาจากชื่อของสถานที่ตั้งองค์พระธาตุคือ “ดอยโกสิยธชัคบรรพต” ที่หมายถึงดอยแห่งผ้าแพรอันงดงาม ส่วนชื่อจังหวัดแพร่ หลายข้อมูลระบุว่ามาจาก “เมืองแพล” ที่น่าจะมาจากศรัทธาของชาวเมืองที่มีต่อพระธาตุช่อแพร หรือพระธาตุช่อแฮแห่งนี้ ( เมืองแพล ในอดีตคือเมืองพล หรือนครพล หรือพลรัฐนคร ซึ่งเป็นชื่อเก่าแก่ที่สุดของจังหวัดแพร่) ด้วยเหตุนี้หลาย ๆ คนที่มาไหว้พระธาตุช่อแฮ จึงนิยมนำผ้าแพรเนื้อดีไปถวาย ด้วยเชื่อว่าจะทำให้มีชีวิตผาสุก มีความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน และมีพลังคุ้มครองป้องกันศัตรูได้ ทุก ๆ ปี ทางจังหวัดแพร่จะมีการจัดประเพณี “ไหว้พระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่แห่ตุงหลวง” ขึ้นในช่วง วันขึ้น 9 ค่ำ ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ใต้ เดือน 6 เหนือ (ราวปลาย ก.พ.-ต้น มี.ค.) ซึ่งถือเป็นประเพณีที่ทำสืบต่อกันมายาวนานจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นงานประเพณีประจำปีของจังหวัดแพร่ในปัจจุบันในช่วงประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ ฯ จะมีพุทธศาสนิกชนจากทุกสารทิศจะเดินทางมานมัสการพระธาตุช่อแฮเป็นจำนวนมาก ด้วยความเชื่อที่ว่าในช่วงระยะเวลาดังกล่าว พระบรมสารีริกธาตุจะแสดงปาฏิหาริย์แผ่บารมีที่เป็นสิริมงคลยิ่งแก่ผู้มาสักการะพระธาตุช่อแฮ
ข้อมูลและภาพจาก : วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง