X
ปลัดมหาดไทยนำประชุมขับเคลื่อน “โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5”

ปลัดมหาดไทยนำประชุมขับเคลื่อน “โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5”

5 ก.ค. 2566
690 views
ขนาดตัวอักษร

ปลัดมหาดไทยนำประชุมขับเคลื่อน “โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5” เดินหน้าแต่งตั้งคณะทำงานตั้งแต่ระดับกระทรวงถึงระดับหมู่บ้าน มุ่งมั่นเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมเชิงรุก โดยใช้หลักธรรมทางศาสนา ทำให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน 


วันนี้ (5 .. 66) เวลา 09.30 ที่ห้อง War Room ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา "หมู่บ้านรักษาศีล 5" โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทยด้านบริหาร นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายธนวัฒน์ปิ่นแก้ว ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้รับเมตตาจากเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร องค์ประธานอำนวยการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาหมู่บ้านรักษาศีล 5” ประจำปี 2566 ตลอดจนพระมหาเถระ พระเถระ ผู้เป็นหลักชัยขับเคลื่อนโครงการฯ ให้ร่วมเป็นภาคีเครือข่ายในการน้อมนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา คือ “ศีล 5” หรือ “เบญจศีล 5” อันเป็นศีลพื้นฐานที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้พุทธศาสนิกชนทุกคนได้ยึดถือปฏิบัติเป็นหลักของชีวิต อันประกอบด้วย ศีลข้อที่ 1 ปาณาติปาตาเวรมณี คือ การละเว้นจากการฆ่าชีวิตสัตว์ทุกชนิด ศีลข้อที่ 2 อทินฺนาทานาเวรมณี คือ การละเว้นจากการลักทรัพย์ ลักขโมย ไปลักลอบเอาของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ ศีลข้อที่ 3 กาเมสุมิสฺฉาจาราเวรมณี คือ การละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ศีลข้อที่ 4 มุสาวาทาเวรมณี คือ การละเว้นจากการพูดปดงดเท็จ พูดโกหก พูดส่อเสียดพูดไม่อยู่กับร่องกับรอย และศีลข้อที่ 5 สุราเมรยมัฌชปะมาทัตถานาเวรมณี คือ การละเว้นจากการดื่มสุราเมรัยและเครื่องดองของมึนเมาทุกชนิด ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันจนเป็นนิสัย อันจะเกิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัวชุมชน และสังคม นำมาซึ่งการสร้างสันติสุขให้กับประเทศชาติอย่างยั่งยืน


โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล 5” มีจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2557 จากดำริของเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺญมหาเถร ..9) อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม อดีตเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้เมตตาให้ตน เมื่อครั้งได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เข้าถวายสักการะ โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ประทานโอวาทกถา ฝากให้ได้ส่งเสริมให้คนอยู่ในศีลในธรรม รักษาศีล 5 และฝากฝังให้ได้ไปขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อความวัฒนาทางจิตใจด้วยธรรมะจักได้เกิดกับพี่น้องพุทธศาสนิกชนในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งตนในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี คนที่ 47 ได้น้อมนำโอวาทดังกล่าวไปขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ในพื้นที่จังหวัดสระบุรีเป็นจังหวัดแรกของประเทศไทย โดยมี นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คนที่ 10 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสระบุรีในขณะนั้น เป็นฝ่ายเลขานุการขับเคลื่อนร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมและภาคประชาชนในพื้นที่ คือชมรมสระบุรีร่มเย็น ภายใต้การนำของนางสาวเพียรใจ โรจนสินวิไล (คุณหลีทวีกิจกรรมการบริหารห้างทวีกิจคอมเพล็กซ์ และประธานชมรมสระบุรีร่มเย็น” ผู้มีความเลื่อมใสศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา กระทั่งเกิดผลสำเร็จเกิดมรรคเกิดผลอย่างสมบูรณ์ จนเป็นต้นแบบการขับเคลื่อนก่อกำเนิดเป็น “โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล 5”” ของมหาเถรสมาคม ในปี 2558 มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ลดปัญหาความขัดแย้ง สร้างความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนในประเทศ และเพื่อให้ประชาชนได้นำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข  ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล 5 ” และให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมสนับสนุนการดำเนินงานต่อไป โดยนำผลสำเร็จของจังหวัดสระบุรี ขยายผลครอบคลุมไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ อันแสดงให้เห็นว่า “7 ภาคีเครือข่าย” ภายใต้การนำของพระสงฆ์ผู้เป็นหลักชัยมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนโครงการฯ เป็นอย่างยิ่ง” นายสุทธิพงษ์ฯ บอกเล่าถึงที่มาของโครงการฯ


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า ในปี 2566 นี้ เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้โปรดมีพระบัญชาแต่งตั้งให้ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เป็นองค์ประธานอำนวยการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล 5” ประจำปี 2566 ซึ่งเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ประทานโอวาทในการประชุมมอบนโยบายขับเคลื่อนโครงการฯ เมื่อวันที่ 3 .. 66 ที่ผ่านมา  หอประชุมพุทธมณฑล .นครปฐม โดยกำหนดกรอบ ทิศทาง แนวนโยบาย และยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนโครงการฯ เชิงคุณภาพ มุ่งเน้นการพัฒนาทางด้านจิตใจของพุทธศาสนิกชนโดยยึดหลัก “ไตรสิกขา” ธรรมะแห่งการพัฒนาชีวิตให้ประสบความสำเร็จตามหลักพระพุทธศาสนาเป็นหัวใจสำคัญได้แก่ 1) อธิศีลสิกขา คือ ศีลอันยิ่ง ศีลเป็นอาภรณ์ เป็นเครื่องประดับอันประเสริฐ เป็นหลักการพัฒนาระดับความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทางสังคม ให้ครอบครัว สังคม ชุมชน สามารถมั่นคงตั้งมั่นอยู่ในศีล มีศีล 5 เป็นเบื้องต้นนั้นสังคมก็จะเป็นสุข และยั่งยืน 2) อธิจิตตสิกขา คือ จิตอันยิ่ง มีสมาธิ อันเป็นหลักในการพัฒนาจิตใจให้มีสมรรถภาพประสิทธิภาพในการคิด พิจารณา ไตร่ตรอง ให้ทราบถึงเหตุและผลอันสมควร ให้ส่งเสริมการเจริญวิปัสสนากรรมฐานเบื้องต้น อันเป็นการธรรมที่ควรเจริญ ให้จิตใจเกิดความสงบสุข เกิดความสมดุลในชีวิต และ 3) อธิปัญญาสิกขา คือปัญญาอันยิ่ง เป็นหลักพัฒนาความรู้ความเข้าใจสามารถคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ แยกแยะสิ่งทั้งหลายให้เกิดความแจ่มแจ้ง โดยอาศัยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เป็นเครื่องเสริมสติปัญญาให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมอบหมายให้เจ้าคณะผู้ปกครอง ได้ใช้ “สำนักปฏิบัติธรรม” ที่มีในทุกจังหวัดทั้ง 1,756 แห่ง เป็นศูนย์กลางดำเนินงานโครงการฯบูรณาการร่วมกันกับศิลปวัฒธรรมอันเป็นอัตลักษณ์ของชุมชน ความเป็นตัวตนของชุมชน การประกอบสัมมาชีพตลอดจนศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อให้การพระพุทธศาสนาดำเนินควบคู่ไปกับศิลปวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติให้คงอยู่สืบไป


กระทรวงมหาดไทยมีกลไกการบริหารราชการขับเคลื่อนงานที่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนมากที่สุด ทั้งท้องที่ และท้องถิ่น ภายใต้การนำของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งแม่ทัพของจังหวัด นายอำเภอซึ่งเป็นแม่ทัพของอำเภอ ปลัดอำเภอพัฒนากร ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นขุนศึก ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคีเครือข่าย มีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล 5” อย่างต่อเนื่อง เพราะคนมหาดไทยมีต้นทุนเดิม คือ “การเริ่มต้นขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ที่จังหวัดสระบุรีเมื่อปี 2557” และทุกจังหวัดทั่วประเทศก็ได้ขับเคลื่อนร่วมกับคณะสงฆ์ผู้เป็นหลักชัยในแต่ละพื้นที่จังหวัด พื้นที่อำเภอ โดยในปี 2566 นี้ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล 5” โดยมี 7 ภาคีเครือข่ายเป็นองค์ประกอบ ตั้งแต่คณะทำงานระดับกระทรวง มีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ระดับจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ระดับอำเภอ มีนายอำเภอเป็นประธาน ระดับตำบล มีกำนันเป็นประธาน ระดับหมู่บ้านมีผู้ใหญ่บ้านเป็นประธาน โดยมีเจ้าคณะผู้ปกครองแต่ละระดับเป็นที่ปรึกษา และพระสงฆ์ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าคณะผู้ปกครองร่วมเป็นคณะทำงาน และสำหรับในด้านสถานที่ขับเคลื่อนโครงการฯ นั้น กระทรวงมหาดไทยจะได้ขอความเมตตาจากมหาเถรสมาคมได้ขยายสาขาของโครงการฯ จากศูนย์ปฏิบัติธรรมไปยังวัดทุกวัดทั่วประเทศ พร้อมทั้งได้มอบหมายให้กรมการปกครอง กรมการพัฒนาชุมชน และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการจัดทำตัวชี้วัดการขับเคลื่อนงาน (KPIs) รวมถึงการลงพื้นที่ติดตามและประเมินผลการขับเคลื่อนร่วมกับคณะสงฆ์ โดยมี สำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย (สนผ.สป.) เป็นศูนย์กลางการบูรณาการจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) เพื่อกำหนดกรอบให้จังหวัด อำเภอ ได้ทำหน้าที่รณรงค์ส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนร่วมกันทำให้ทุกหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านรักษาศีล 5 และทำให้ประชาชนศาสนิกอื่น  ได้ทำให้เป็นหมู่บ้านที่อยู่ในศีลธรรมตามหลักธรรมความเชื่อของศาสนาควบคู่กับการขับเคลื่อนงานตามอำนาจหน้าที่ (Function) เช่นหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) หมู่บ้านเข้มแข็งตามแนวทางแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง (หมู่บ้านอยู่เย็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ เป็นต้น โดยการประเมินในเชิงปฏิบัติเบื้องต้น คือ พุทธศาสนิกชนทุกคนต้องแสดงตนเป็นพุทธมามกะที่วัด และต้องกระตุ้นปลุกเร้าให้คนในหมู่บ้านรักษาศีล 5 ซึ่งจะได้แจ้งให้ทุกจังหวัด อำเภอ ได้ดำเนินการต่อไป” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำ


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการสร้างสังคมแห่งความสุขด้วยการส่งเสริมหลักธรรม คือ “ศีล 5” ปลูกฝังบ่มเพาะให้กับเด็กและเยาวชนที่จะเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติต่อไป จึงได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ได้ส่งเสริมให้สถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ได้แก่ โรงเรียน 1,776 แห่ง วิทยาลัย 4 แห่ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 18,309 แห่ง ส่งเสริมการเรียนรู้วิชา “หน้าที่ศีลธรรม” เป็นหลักสูตรการจัดการศึกษาและเป็นการปฏิบัติในสถานศึกษา อาทิ 1) ในทุกเช้าให้นักเรียน/นักศึกษาที่เป็นพุทธศาสนิกชนได้สวดมนต์ไหว้พระและแสดงตนเป็นพุทธมามกะ 2) ส่งเสริมให้นักเรียน/นักศึกษาได้เรียนรู้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา จัดทำ "หนังสือหน้าที่ศีลธรรมซึ่งภายในประกอบด้วย องค์ความรู้พุทธประวัติ หลักเบญจศีล เบญจธรรม หน้าที่เด็ก 10 ประการ หลักธรรมในชีวิตประจำวัน หลักหัวใจนักปราชญ์ รวมถึงวิธีปฏิบัติศาสนพิธี โดยมีรูปแบบหนังสือที่สอดคล้องกับทักษะการเรียนรู้ของแต่ละช่วงวัย เพื่อทำให้การเรียนรู้หลักคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม ได้กลับมาเป็นวิชาที่สร้างภูมิคุ้มกันในการใช้ชีวิต นอกจากนี้ ให้ สถได้ส่งเสริมให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หรือ อปทที่มีสรรพกำลัง ได้จัด “มหกรรมส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมหมู่บ้านศีล 5” อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยภายในมหกรรมประกอบไปด้วยกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ประเพณีอันดีงาม เช่น การประกวดการสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ การแข่งขันบรรยายธรรม การแข่งขันประติมากรรม การแข่งขันแต่งบทร้อยกรอง การแข่งขันเรียงความตลอดจนการประกวดหมู่บ้านที่มีการส่งเสริมการทำบุญ ใส่บาตรอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการมีส่วนร่วมกับพระสงฆ์สาธารณสงเคราะห์ และพระสงฆ์สาธารณูปการ อันยังผลทำให้เป็นหมู่บ้านศีล 5 เป็นต้น

Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)