ดุสิตโพล
เปิด ผลสำรวจคะแนนความเชื่อมั่นครูไทยสูงสุดตกเป็นเรื่องการแต่งกาย ขณะที่เรื่องสถานะการเงินได้คะแนนต่ำสุด
ขณะที่ผู้บริหารสถานศึกษาแสดงความกังวลถึงการขาดแคลนครูเชี่ยวชาญวิชาเฉพาะทาง
สวนดุสิตโพล ของมหาวิทยาลัยสวนดุสิตได้ทำการ สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง #ดัชนีครูไทย ปี 2565 โดยทำการสำรวจมาเป็นปีที่ 18 พบว่า ประชาชนให้คะแนนความเชื่อมั่น “ดัชนีครูไทย” ปี 2565 ที่ 7.52 คะแนน (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) โดยตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ บุคลิกภาพดี แต่งกายเหมาะสมกับอาชีพ เฉลี่ย 7.82 คะแนน รองลงมาคือ มนุษยสัมพันธ์ดี เข้ากับผู้อื่นได้ เฉลี่ย 7.73 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ การประหยัด ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่เป็นหนี้สิน เฉลี่ย 6.50 คะแนน #จุดเด่นของครูไทย ในปีนี้ คือ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี และมีทักษะใหม่ๆ ส่วนจุดด้อย คือ การมีภาระงานมาก ทั้งนี้ประชาชนมองว่า “ครูไทย” จะต้อง “ทันสมัย ทันโลก ทันเหตุการณ์ ปรับตัวเร็ว แก้ปัญหาไว” จึงจะพลิกโฉมการศึกษาไทย
ขณะที่ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครได้แสดงความกังวลใจกับทีม
Digital content MCOT.NET
ถึงปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนครูต่อไปในอนาคต คือ เงื่อนไขให้ครูทั้งภาครัฐและเอกชนต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือ ประกาศศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู ที่ในวงการการศึกษาเรียกกันว่า
ป.บัณฑิต ที่คุรุสภาให้การรับรอง ซึ่งหากเป็นบัณฑิตคณะครุศาสตร์ สามารถ สอบ ป.บัณฑิต
ได้ทันที แต่ถ้าเป็นบัณฑิตจากคณะอื่นต้องเรียนหลักสูตร ป.บัณฑิต นี้
เพื่อปูพื้นฐานความเป็นครู การจัดทำแผนการสอน การคุมชั้นเรียน และการฝึกสอนจริง
ซึ่งการเรียนหลักสูตร ป.บัณฑิต นี้มีค่าใช้จ่ายในหลักสูตรปกติ 3 หมื่น ถึง 4 หมื่น
5 พันบาท ถ้าเป็นหลักสูตรอินเตอร์ จะมีค่าใช้จ่ายถึง 6 หมื่นบาท ซึ่งเป็นภาระแก่ผู้มีความสามารถ จบการศึกษาสาขาเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น บัณฑิตคณะวิทยาศาสตร์ บัณฑิตคณะเทคโนโลยีและสารสนเทศ ต้องมีภาระกับตัวตั้งแต่เริ่มต้นเส้นทางการเป็นครู
“กว่าจะได้ใบประกอบวิชาชีพมาทำงานเป็นครูได้ต้องเสียเงินเกือบครึ่งแสนเพื่อออกมารับเงินเดือนเริ่มต้นหมื่นกว่าบาท
คนอยากเป็นครูก็ลำบากกับการตัดสินใจจะประกอบวิชาชีพนี้ ถ้าฐานะทางบ้านแต่เดิมไม่พร้อมแล้วยังอยากเป็นครูก็แน่นอนว่าต้องเป็นหนี้ตั้งแต่ก่อนเริ่มอาชีพครูแล้ว”
ขณะที่ในปี
2565 คุรุสภาได้ประกาศรับรองหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู 64 หลักสูตร
ในสถาบันการศึกษา 63 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งบางแห่งในภูมิภาคเปิดรับบุคคลเข้าศึกษาแค่
60 คน ต่อปี
เท่านั้นซึ่งแหล่งข่าวคนเดิมระบุว่ายิ่งทำให้เกิดคอขวดในการผลิตครูในแต่ละภูมิภาคอีกด้วย