6 ม.ค.66 - สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ เตือนใช้เจลอุดฟันซ่อมฟันเอง เสี่ยงหลุดลงคอ ปิดกั้นหลอดลม อาจถึงขั้นหายใจไม่ออกถึงแก่ชีวิต แนะฟันผุควรพบทันตแพทย์ทำการรักษาอย่างถูกต้อง
นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากรายงานข่าวพบว่ามีการนำเจลสารพัดประโยชน์มาอุดฟัน และซ่อมฟันที่มีรอยแตกบิ่น รวมถึงนำมาอุดเพื่อแทนที่ฟันที่สูญเสียไปได้ และสามารถติดทนนาน “วิธีการเช่นนี้เป็นการกระทำที่อันตรายเป็นอย่างมาก” หากเจลหรืออุปกรณ์ดังกล่าวหลุดลงคอ และปิดกั้นหลอดลมหรือระบบทางเดินหายใจ รวมถึงยังเสี่ยงอันตรายจากสารเคมีเพราะวัสดุอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานทางการแพทย์อาจเข้าสู่ร่างกายได้
“การอุดฟันหรือการรักษาทางทันตกรรม ควรได้รับการดูแลโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างถูกวิธี” วัสดุที่ใช้ภายในช่องปากต้องเหมาะสมและได้มาตรฐานสำหรับการรักษา เพื่อให้ฟันซี่นั้น ๆ กลับมามีลักษณะใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด นอกจากนี้ควรหมั่นดูแลสุขภาพช่องปาก ควรลดอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง รวมถึงเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ด้านทันตแพทย์หญิง ดร.สุมนา โพธิ์ศรีทอง ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กล่าวว่า การอุดฟันเป็นการรักษาหรือบูรณะฟันที่เกิดความเสียหาย เช่น ฟันผุ ฟันเป็นรู ฟันที่แตก ฟันบิ่น ฟันที่มีรอยสึก ให้กลับมาอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ มีรูปร่างลักษณะเหมือนเดิมหรือใกล้เคียงฟันเดิม และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
•
โดยทันตแพทย์จะทำการตรวจ วางแผนและดูความเหมาะสมของวัสดุที่ใช้บูรณะ ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการบูรณะฟัน แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
- วัสดุอมัลกัมที่นิยมใช้บูรณะฟันหลัง
- และวัสดุบูรณะสีเหมือนฟัน เช่น วัสดุเรซินคอมโพสิต
ซึ่งก่อนการบูรณะฟัน ไม่ว่าจะใช้วัสดุชนิดใดต้องมีการเตรียมโพรงฟัน โดยทำการกรอตัดเนื้อฟันที่ผุออก และแต่งฟันให้มีขนาดรูปร่างที่เหมาะสมต่อวัสดุบูรณะนั้น ๆ จึงจะทำการบูรณะฟันต่อได้ ซึ่งวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ต้องได้มาตรฐานทางการแพทย์ และอยู่ในความดูแลของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยภายหลังจากการบูรณะฟันแล้ว ควรหมั่นดูแลรักษาสุขภาพช่องปาก แปรงฟันทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟัน ตลอดจนควรพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง