กทม. 5 มี.ค.64 - สทน. ยืนยันสถานเก็บกากกัมมันตรังสี คลอง 5 ปลอดภัย มีมตารฐาน ไม่มีการปนเปื้อนของธาตุกัมมันตรังสีต่อแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือแหล่งน้ำใต้ดินโดยรอบพื้นที่
หลังมีการแสดงข้อกังวลในการปฏิบัติงานของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ
หรือ สทน. ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาธาตุหายาก
และโรงเก็บอาคารเก็บกากกัมมันตรังสี 3 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยมีการระบุว่า กิจกรรมที่ สทน. อาจส่งผลทำให้เกิดการปนเปื้อนของธาตุกัมมันตรังสีต่อแหล่งน้ำธรรมชาติ
หรือแหล่งน้ำใต้ดินโดยรอบพื้นที่ อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนที่บริโภคน้ำจากแหล่งน้ำได้
รศ.ดร. ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ
ได้เปิด สทน. ชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยศูนย์ธาตุหายาก มีกิจกรรมสำคัญคือ
การสกัดแร่ธาตุหายากจากแร่โมนาไซด์ ซึ่งได้ยุติกิจกรรมตั้งแต่ปี 2547 ก่อนถูกโอนกิจการมาอยู่ในความดูแลของ สทน. ซึ่ง ปัจจุบัน
สทน.ก็ไม่ได้ดำเนินกิจกรรมใดๆในส่วนของศูนย์ธาตุยากเช่นกัน
ส่วนข้อสงสัยว่าอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนของธาตุกัมมันตรังสีประเภทเรเดียม-226
ในแหล่งน้ำธรรมชาติ หรือแหล่งน้ำใต้ดินโดยรอบพื้นที่ตั้งโครงการ ชี้แจงว่าโครงการธาตุหายากได้ยุติการดำเนินกิจกรรมไปเมื่อปี
2548 โดยจากการตรวจวิเคราะห์ปริมาณเรเดียมในแหล่งน้ำใต้ดิน
และในตัวอย่างน้ำจากคลองชลประทาน สรุปว่า ค่าเฉลี่ย 2
ปีของปริมาณเรเดียม-226 ในน้ำใต้ดิน และน้ำจากคลองชลประทาน
อยู่ระหว่าง 3.639 ถึง 8.069
และ 2.956 ถึง 3.781
มิลลิเบ็กเคอเรลต่อลิตร ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานปริมาณเรเดียม-226
ในน้ำดื่มที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 1,000
มิลลิเบ็กเคอเรลต่อลิตร สรุปว่าตัวน้ำอย่างในพื้นที่โดยรอบศูนย์ธาตุหายากปลอดภัยต่อการบริโภคในแง่คุณลักษณะทางรังสี
น้ำจากทั้งสองแหล่งไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
นอกจากนี้พื้นที่ของ สทน. คลอง5 ยังมีศูนย์ฉายรังสี ซึ่งให้บริการฉายรังสีอาหารและผลิตผลทางการเกษตร สทน. จึงถือว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ดำเนินกิจกรรมด้านนิวเคลียร์และรังสี ซึ่งต้องมีมาตรการเฝ้าระวังความปลอดภัยซึ่งต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ในการปฏิบัติงานของสถานประกอบการด้านนิวเคลียร์และรังสี
ดังนั้นนอกจากขั้นตอนการปฏิบัติงานตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ขณะที่ฝ่ายความปลอดภัยของ สทน. ได้ดำเนินการสอบทานการดำเนินกิจกรรมของฝ่ายต่างใน สทน. เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการดำเนินกิจกรรมทางด้านนิวเคลียร์และรังสีของ สทน. มีความปลอดภัยต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมตามข้อกำหนดของกฎหมาย อีกทั้งเพื่อเฝ้าระวังความผิดปกติของปริมาณรังสีในสิ่งแวดล้อมโดยรอบบริเวณที่ตั้ง และใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานการตรวจวัดปริมาณรังสีในสิ่งแวดล้อม ในการดำเนินกิจกรรมทางด้านนิวเคลียร์และรังสีของ สทน.
ทั้งนี้จากการเก็บตัวอย่างสิ่งแวดล้อมและตรวจวัดปริมาณรังสี
โดยนำตัวอย่างดินผิวหน้า ตะกอนดิน น้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน ทำการตรวจวัดและวิเคราะห์ปริมาณกัมมันตภาพรังสี
และ สทน. มีสถานีเฝ้าตรวจทางไกลที่ทำงานแบบต่อเนื่องตลอด 24
ชั่วโมง พบปริมาณรังสีต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดทุกตัวอย่าง
และไม่เกินค่ามาตรฐานที่ประชาชนทั่วไปได้รับต่อปี คือ 1
มิลลิซีเวิร์ดต่อปี การันตีได้ว่าการดำเนินกิจกรรมของ สทน.ที่คลอง 5
ไม่ต้องผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม และประชาชนในพื้นที่โดยรอบ
อย่างไรก็ตาม สทน. ยังมีภารกิจหน้าที่สำคัญในการให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสีทั่วประเทศที่มีการใช้งานสารกัมมันตรังสี
และต้องถูกจัดเก็บอย่างถูกต้องและปลอดภัยตามมาตรฐานสากล เป็นไปตามระบบบริหารคุณภาพ
ISO9001 และ ISO14001
โดยมีการติดตามตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอกตามระบบมาตรฐานคุณภาพ
จากหน่วยกำกับดูแลหรือสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลตามอนุสัญญาร่วมด้านความปลอดภัยการจัดการกากกัมมันตรังสีของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ
หรือ IAEA ยืนยันไม่ตรวจพบความผิดปกติหรือการรั่วไหลของกากกัมมันตรังสี