20 มี.ค.66 – ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แจ้งเตือนจับตา 3 กลุ่มอาการ ผิวหนัง ,คลื่นไส้ และเม็ดเลือดขาวในร่างกาย บ่งชี้ได้รับผลกระทบจากซีเซียม -137 ที่ถูกหลอมทำลาย
หลังพบว่าวัสดุกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ถูกบดหลอมในโรงงานหลอมเหล็กแล้ว หลายฝ่ายหวั่นผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากวัสดุจากการหลอมรีไซเคิล มีการปนเปื้อนกัมมันตรังสี
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เบื้องต้นทางสาธารณสุข จะจัดบริการสุขภาพและมาตรการให้สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้รับ เนื่องจากอนุภาคของกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 “ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่สามารถประเมินได้ด้วยตาเปล่า” ต้องใช้เครื่องมือวัดอนุภาคของสารเท่านั้น ดังนั้นจึงต้อง จับตา 3 กลุ่มอาการ ประชาชนในพื้นที่ อาจมีอาการป่วยที่สัมพันธ์กับการรับผลกระทบจากซีเซียม-137 ได้แก่
1. อาการทางผิวหนัง/เนื้อเยื่อ มีการระคาย และเกิดอาการเนื้อตาย หรือไม่
2.มีอาการคลื่นไส้อาเจียนเวียนศีรษะ
3.กลุ่มอื่น ๆ อาทิ มีเม็ดเลือดขาวผิดปกติเป็นกลุ่มก้อน เนื่องจากเม็ดขาวคุณสมบัติแบ่งเซลล์ไว
•
อย่างไรก็ตาม ถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ผิดปกติ
•
“สำหรับอนุภาคของซีเซียม -137 มีค่าครึ่งชีวิตนานถึง 30 ปี หมายความ สารดังกล่าวสลายไปได้ ร้อยละ 50 ต้องใช้เวลานานถึง 30 ปี”
•
ส่วนการตรวจวัดว่าประชาชนผู้ใดได้รับผลกระทบจากอนุภาคของกัมมันตรังสี “จะใช้การตรวจวัดจากการตรวจปัสสาวะ” ว่าสารดังกล่าวตกค้างในร่างกายหรือไม่ ซึ่งระบบการตรวจวัดต้องจำกัดคน จำกัดพื้นที่ ทำให้ห้องปฏิบัติการที่มีความรัดกุม
•
ทั้งนี้ประเทศไทย เคยประสบกับปัญหาโคบอลล์ -60 มาก่อนเมื่อปี 2543 ขณะนั้นมีผู้เสียชีวิต 3 คน ได้รับผลกระทบอีกจำนวนหนึ่ง แต่ซีเซียม -137 แม้เป็นสารอันตรายแต่ความเข้มข้นน้อยกว่า แต่ผลกระทบก็น่าเป็นห่วงทั้งผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง ผู้เด็ก สูงอายุ หากสัมผัสโดยตรง ซึ่งปัจจัยสำคัญขึ้นอยู่กับระยะเวลาการสัมผัสว่านานแค่ไหน และปริมาณของสารที่ออกมามากน้อยเพียงใด