‘ภกร’ รอง ผอ. องค์การค้าฯยื้ออีกเฮือก อาศัยหัว สกสค. ร่อนหนังสือขอยืดเวลาฟังคำสั่งศาล อ้างต้องทำเอกสารชี้แจงเพิ่ม คดีที่ ‘โรงพิมพ์รุ่งศิลป์’ ฟ้องทุจริต ทำ ‘ทีโออาร์’ กีดกันประมูลกล่องใส่แบบเรียน ศาลเมตตาอนุญาตเลื่อนให้ 30 วัน นัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาอีกหน 27 ส.ค.68 เผยมูลเหตุ ‘กรมบัญชีกลาง’ ฟันโครงการนี้ผิด ม.8 พ.ร.บ.จัดซื้อฯ สั่งยกเลิกแล้วทำใหม่ให้ถูกต้อง พิลึก ‘คกก.ทีโออาร์’ ผิดทนโท่ แต่ไม่ถูกตั้ง กก.สอบ
รายงานข่าวจาก ศาลอาญา แจ้งความคืบหน้าคดีที่น่าสนใจว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติกลาง ได้นัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อท 104/2568 ซึ่ง บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1977) จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายภกร รงค์นพรัตน์ รองผู้อำนวยการองค์การค้า ของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกรวม 4 คน กรณีกล่าวหาว่าจำเลยร่วมกันกระทำการโดยทุจริตในการกำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอประกวดราคาจัดจ้างผลิตกล่องบรรจุแบบเรียน 3 รายการ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เมื่อเดือน พ.ย.2567
เมื่อถึงเวลานัด ทั้งโจทก์และจำเลยได้มอบหมายให้ทนายความเป็นผู้แทน โดยศาลได้แจ้งให้ทนายโจทก์ทราบว่า สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.ได้มีหนังสือขออนุญาตขยายระยะเวลาจัดส่งคำชี้แจงข้อเท็จจริงและเอกสารออกไป 30 วันนับตั้งแต่ครบกำหนดเดิม โดยศาลมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนไปนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในวันที่ 27 ส.ค.2568 เวลา 09.30 น.
สำหรับคดีดังกล่าว บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1977) จำกัด หรือโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายภกร จำเลยที่ 1 และพวก โดยได้มีการการตรวจคำฟ้องและเอกสารท้ายฟ้องของโจทก์ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2568 ซึ่งในรายงานเจ้าพนักงานคดีในชั้นตรวจฟ้องระบุว่า ศาลได้ให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนภายใน 15 วัน ใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.ให้โจทก์ตรวจสอบว่าจำเลยทั้ง 4 เป็นเจ้าพนักงานหรือไม่ หากเป็น ให้อ้างอิงข้อกฎหมาย พร้อมแนบเอกสารประกอบ, 2.ให้แนบข้อบังคับ สกสค. พ.ศ. 2562 ข้อ 6 (14) เป็นเอกสารท้ายฟ้อง หรือนำส่งต่อศาลเพื่อประกอบการพิจารณา เนื่องจากโจทก์บรรยายฟ้องว่า องค์การค้าของ สกสค. เป็นส่วนงานใน สกสค. ตามข้อบังคับดังกล่าว และ 3.ให้บรรยายพฤติการณ์แห่งการกระทำ หรือมูลเหตุจูงใจของจำเลยทั้ง 4 ว่า มีเจตนากระทำการตามฟ้องเพื่อให้โจทก์ได้รับความเสียหาย หรือมีเจตนาทุจริตอย่างไร พร้อมให้โจทก์ชี้ช่องพยานหลักฐานให้ชัดเจนและเพียงพอต่อการพิจารณา
นอกจากนี้ ศาลยังเห็นควรมีหนังสือถึงองค์การค้าของ สกสค. เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงและส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องภายใน 30 วัน ในหลายประเด็น อาทิ สถานะองค์การค้าของ สกสค.ว่าเป็นหน่วยงานรัฐหรือไม่ ประเภทใด อยู่ในสังกัด หรือกำกับดูแลของหน่วยงานใด มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับ สกสค.อย่างไร และจัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หรือประกาศใด, จำเลยทั้ง 4 เกี่ยวข้องกับการประกวดราคาจ้างผลิตกล่องฯ ทั้ง 2 ครั้งตามฟ้องหรือไม่, หลักเกณฑ์การพิจารณาเงื่อนไขคุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอการประกวดราคาจ้างผลิตกล่องฯ รวมถึงที่มาและเหตุผลในการกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวเป็นอย่างไร เป็นเงื่อนไขที่มีการกำหนดขึ้นอยู่ก่อนแล้วที่จะมีข้อพิพาทกับโจทก์หรือไม่อย่างไร ตลอดจนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้วินิจฉัยคำอุทธรณ์ของ บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1977) จำกัด ในส่วนของโครงการประกวดราคาจ้างผลิตกล่องบรรจุแบบเรียน จำนวน 3 รายการ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) มีลักษณะกีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เข้าข่ายขัดต่อมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ) ว่า คำอุทธรณ์นั้นฟังขึ้น และให้องค์การค้าของ สกสค.ยกเลิกกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และดำเนินการใหม่ให้ถูกต้องต่อไป ซึ่งคาดว่าข้อวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ฯ ที่สนับสนุนคำอุทธรณ์ เท่ากับชี้ว่า พฤติการณ์ของ นายภกร และพวก ขัดต่อมาตรา 8 พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ เป็นที่มาให้ บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1977) จำกัด ยื่นฟ้อง นายภกร ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดขอบเขตงาน (ทีโออาร์) ของพวกรวม 4 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติกลาง ดังกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการแจ้งด้วยว่า นับตั้งแต่ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง แจ้งผลวินิจฉัยกรณีนี้ให้ องค์การค้าของ สกสค.ทราบ และให้ยกเลิกกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อดำเนินการใหม่ให้ถูกต้องนั้น ก็ยังไม่เคยปรากฏว่า องค์การค้าของ สกสค.จะดำเนินการตามข้อวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ฯ แต่อย่างใด และยังได้ดำเนินการจัดส่งแบบเรียนปีการศึกษา 2568 ซึ่งต้องบรรจุใส่กล่องตามโครงการดังกล่าวไปจนแล้วเสร็จ ที่สำคัญแม้ข้อวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ฯจะชี้ว่าเป็นการกระทำผิด มาตรา 8 พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ ชัดเจน แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน คณะกรรมการกำหนดขอบเขตงาน (ทีโออาร์) ในโครงการดังกล่าว ที่มี นายภกร เป็นประธาน ตั้งแต่ยุค พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ เป็น รมว.ศึกษาธิการ กระทั่งมาถึงยุค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่กำกับดูแล สกสค.ด้วยตัวเอง.