17 ส.ค.68 - ซัพพอร์ต ‘คนทำงานดูแลผู้สูงอายุ’ ‘ธรรมศาสตร์’ จับมือ อบจ.ปทุมธานี ลดอุปสรรค - แก้ปัญหา ‘ภาวะหมดไฟ’ พลิกโฉม รพ.สต. เป็นศูนย์การแพทย์ปฐมภูมิ
ยุคนี้การดูแลผู้สูงอายุในครอบครัวได้รับความใส่ใจมากขึ้น แต่หนึ่งในปัญหาคือคนที่อยู่ในวัยที่ต้องทำงานด้วย และดูแลผู้สูงวัยไปด้วย ก็มีอุปสรรคเล็กน้อย ที่หากดูแลไม่เหมาะสมหรือละเลิยมากไป ก็กระทบต่อความรู้สึก หรือสุขภาพของผู้สูงวัย เช่นกันหากคนวัยทำงานต้องสละเวลามาดูแลตลอดเวลา งานที่ทำก็อาจเกิดปัญหาได้ หรือกระทบกับงานที่ทำอยู่ด้วยก็ได้ สุขภาพดี 4 วัย เห็นหนึ่งในโครงการดีที่จะช่วย ซัพพอร์ต ‘คนทำงานดูแลผู้สูงอายุ’ โดย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อบจ.ปทุมธานี) เปิดเวทีรับฟังความต้องการและเสียงสะท้อนจากผู้ปฏิบัติงานด่านหน้าในการดูแลผู้สูงอายุ จ.ปทุมธานี ประกอบด้วย อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผู้ให้การดูแล (Caregiver) ตลอดจนตัวแทนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ภายใต้โครงการ “TU Care & Ageing Society ธรรมศาสตร์เพื่อนร่วมทางสังคมสูงวัย” โดยจะนำข้อมูลที่ได้จากเวทีไปวิเคราะห์ และกำหนดเป็นโจทย์การทำงานร่วมกันระหว่างธรรมศาสตร์ กับ อบจ.ปทุมธานี เพื่อสนับสนุนการจัดบริการ ลดอุปสรรคและอำนวยความสะดวกในการดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่ต่อไป
สำหรับเสียงสะท้อนของผู้ปฏิบัติงานด่านหน้าที่น่าสนใจ อาทิ ความต้องการการสนับสนุนบุคลากรเพื่อสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลผู้สูงอายุรายครัวเรือน การฝึกอบรมทักษะโดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีและการสื่อสาร การศึกษาทำวิจัยหาแนวทางให้ อสม. เป็นหนึ่งเดียว ไม่ต่างฝ่ายต่างสังกัดแบบที่ผ่านมา การสร้างหลักสูตรอบรมเสริมพลังให้คนทำงาน การนำนักศึกษาเข้าไปฝึกงานและสร้างประโยชน์ให้ผู้สูงอายุในชุมชน ซึ่งไม่เฉพาะแค่คณะที่เกี่ยวข้องกับด้านสาธารณสุขเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคณะอื่นๆ เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ ก็สามารถเข้ามาฝึกงานด้วยการนำองค์ความรู้มาออกแบบนวัตกรรมช่วยดูแลผู้สูงวัย รวมไปถึงการสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมกีฬาที่จะส่งผลให้ผู้สูงอายุติดสังคมมีพื้นที่การออกกำลังกายไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือห่อเหี่ยวจากการที่ต้องอยู่ลำพังในที่พักอาศัย
รศ. ดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ของประเทศไทย มีศักยภาพสูง มีความใกล้ชิดและเข้าใจสภาพปัญหา ตลอดจนความต้องการของประชาชนในพื้นที่ นั่นทำให้ อปท. กลายมาเป็นที่พึ่งพิงของประชาชน โดยเฉพาะในสถานการณ์สังคมสูงวัยและบรรยากาศการกระจายอำนาจการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิให้กับท้องถิ่น เป็นเหตุให้ท้องถิ่นถูกประชาชนคาดหวังมากขึ้น ดังนั้นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในฐานะสถาบันการศึกษาที่มีจิตวิญญาณเรื่องการรับใช้สังคมและประชาชน จึงจัดโครงการ “TU Care & Ageing Society” ขึ้น เพื่อสนับสนุน อปท. ในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ผ่านการให้บริการวิชาการ การให้บริการสังคม การฝึกอบรมพัฒนาทักษะ และการสื่อสารสังคม
รศ. ดร.อรรถสิทธิ์ กล่าวว่า การดูแลผู้สูงอายุในชุมชนจะมีประสิทธิภาพหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติงานด่านหน้าเป็นสำคัญ ทั้ง อสม. และ caregiver คือหัวใจของการทำงาน ดังนั้นทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันกำหนดนโยบายมุ่งเป้า เพื่อลดอุปสรรคและสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานให้ทำงานได้อย่างคล่องตัวและมีความสุขมากที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสุขภาวะดีให้กับผู้สูงอายุในจังหวัดปทุมธานีต่อไป อย่างไรก็ตามจากการรับฟังเสียงสะท้อนพบว่า มีผู้ปฏิบัติงานบางส่วนรู้สึกเหนื่อยล้าและอยู่ในภาวะหมดไฟในการทำงาน ซึ่งธรรมศาสตร์จะกลับไปออกแบบกระบวนการทำงานเพื่อให้เกิดการสร้างขวัญกำลังใจและปลุกไฟคนทำงานให้มีพลังในการดูแลผู้สูงอายุต่อไป
พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า มีบางท่านอาจแสดงความคิดเห็นว่าการถ่ายโอน รพ.สต. คือการสร้างภาระให้แก่ อบจ. เพราะการเป็นส่งมอบโดยไม่ให้งบประมาณมาด้วย แต่ส่วนตัวขอยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นภาระและ อบจ.ปทุมธานี ยินดีที่จะรับการถ่ายโอน รพ.สต. เข้ามา และจะพยายามทำให้ จ.ปทุมธานี กลายเป็นจังหวัดแรกในประเทศไทยที่มีการพัฒนา รพ.สต. ไปสู่ศูนย์การแพทย์แบบปฐมภูมิ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มต้นดำเนินการไปแล้ว
ทั้งนี้ ส่วนตัวให้ความสำคัญกับประเด็นสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุอย่างจริงจัง และในอนาคตอันใกล้ยังมีอีกหลายสิ่งที่กำลังจะดำเนินการ อาทิ การสนับสนุนอุปกรณ์การตรวจวัดความดันและเบาหวานให้กับ อสม. โดยส่งมอบให้กับ รพ.สต. ที่อยู่ในสังกัด อบจ.ปทุมธานี และให้ อสม. สามารถมาเบิกใช้ได้ รวมไปถึงการร่วมมือกับสถานบันการศึกษาอย่างวิทยาลัยเทคนิคปทุมธานีเพื่อซ่อมกายอุปกรณ์ที่เสียหายให้กลับมาใช้งานได้และส่งคืนให้กับผู้ป่วย สิ่งเหล่านี้คือความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการดูแลสุขภาพให้กับประชาชนในพื้นที่
พล.ต.ท. คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า ภาพความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะไม่ใช่แค่กิจกรรมที่เกิดขึ้นในวันนี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอนาคตด้วย โดยที่ผ่านมาธรรมศาสตร์กับ อบจ.ปทุมธานี มีการประสานการทำงานร่วมกันมาอย่างดีเยี่ยม และไม่เพียงแค่การดูแลผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังรวมไปการดูแลเด็กและเยาวชนไม่ให้เสียชีวิตจากการจมน้ำ และปัญหาอื่นๆ ในทุกช่วงวัย
รศ. ดร.ม.ล.พินิตพันธุ์ บริพัตร รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ประเทศไทยอาจเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกๆ ที่ก้าวสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด ทิศทางของธรรมศาสตร์ภายใต้สถานการณ์นี้คือการผลักดันให้มหาวิทยาลัยกลายเป็นสถาบันผู้สูงอายุ เพื่อให้การสนับสนุนทางองค์ความรู้และตอบสนองความต้องการของประเทศผ่านการทำงานวิจัยเชิงสังคม สำหรับรูปแบบการทำงานที่เกิดขึ้นในวันนี้ จึงจะเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการพัฒนาต่อยอดความร่วมมือการดูแลสุขภาพให้แก่ผู้สูงอายุใน จ.ปทุมธานี
•
โครงการ TU Care & Ageing Society เป็นกลไกที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มุ่งหวังจะเป็นแพลตฟอร์มสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุทั้งการให้บริการวิชาการ การให้บริการสังคม การฝึกอบรมพัฒนาทักษะต่างๆ และการสื่อสารสังคม โดยจะระดมทรัพยากรและใช้วิธีทำงานแบบข้ามสายงาน ตามค่านิยม ONE TU เพื่อให้เกิดศักยภาพสูงสุดในการทำงานสำหรับปี 2568 ซึ่งเป็นเฟสแรกจะทำงานร่วมกับ จ.ปทุมธานี โดยในระดับนโยบายมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะจัดบริการวิชาการให้กับท้องถิ่นในภาพใหญ่ และโฟกัส อบจ.ปทุมธานี เพื่อแสวงหาความต้องการและ Pain Point การดูแลผู้สูงอายุระดับชุมชน จากนั้นจะตกผลึกเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายให้กับ อบจ.ปทุมธานี และเป็นโจทย์ให้ธรรมศาสตร์นำทรัพยากรเข้าไปสนับสนุนการแก้ไขปัญหาต่อไปส่วนในระดับพื้นที่ จะนำองค์ความรู้ คณาจารย์ และงานวิจัย เข้าไปสร้างคน สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่ทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุใน จ.ปทุมธานี ต่อไป