ทรงวาด จากเส้นเลือดเศรษฐกิจยุครัชกาลที่ 5 สู่ย่านสร้างสรรค์สุดชิคยุค 5.5G
ถ้าเดินเล่นริมแม่น้ำเจ้าพระยาแถวท่าน้ำราชวงศ์วันนี้ อาจเห็นเพียงโกดังเก่า ร้านขายของแห้ง และคาเฟ่ฮิปๆ แต่เมื่อราวร้อยกว่าปีก่อน “ถนนทรงวาด” คือหัวใจการค้าของกรุงเทพฯ และเป็นจุดเชื่อมโลกตะวันออก-ตะวันตกที่ไม่เคยหลับใหล
ถนนเกิดใหม่ หลังเพลิงผลาญสำเพ็ง
ถนนทรงวาดถือกำเนิดขึ้นในปลายรัชกาลที่ 5 พร้อมถนนอีก 17 สาย เพื่อฟื้นฟูย่านสำเพ็งหลังเพลิงไหม้ใหญ่ พ.ศ. 2449 เส้นทางนี้ทอดยาวจากท่าน้ำราชวงศ์ถึงถนนเจริญกรุง ตัดผ่านบรรยากาศคึกคักของตลาดและโกดังสินค้านำเข้า-ส่งออก กลายเป็น ถนนสายทำมาหากิน ที่ผู้คนทุกเชื้อชาติใช้หาเลี้ยงชีพ
ท่าเรือของชาวแต้จิ๋ว และศูนย์กลางการนำเข้า
ในยุคทองของเรือกลไฟ พ่อค้าชาวแต้จิ๋วสั่งสินค้าจากชัวเถา ฮ่องกง และสิงคโปร์—ตั้งแต่ผ้าแพรไหม รองเท้า ร่ม อาหารแห้ง ไปจนถึงเมล็ดพันธุ์ผัก—ลงเรือเทียบท่า แล้วกระจายไปยัง “ตรอกอาเนี้ยเก็ง” แหล่งรวม หลงเท้า (ร้านผู้นำเข้า) ก่อนส่งต่อให้ยี่ปั๊วทั่วประเทศ
ชาวจีนที่นี่ไม่ได้เป็นแค่ผู้ค้ารายย่อย แต่สร้างเครือข่ายแข่งกับบริษัทตะวันตก มีเรือกลไฟของตัวเอง วิ่งรับส่งสินค้าระหว่างเอเชียตะวันออกและสยาม
ข้าว: ทองคำขาวของทรงวาด
ไม่ใช่แค่สินค้านำเข้า—ข้าวคือสินค้าส่งออกหลักที่ทำให้ถนนทรงวาดเติบโต พ่อค้าข้าวรายใหญ่และเล็กต่างตั้งร้านบนถนนเส้นนี้ โดย “ปีทั้ง” หรือผู้รวบรวมข้าวจากต่างจังหวัดมาส่งออก กลายเป็นผู้เล่นสำคัญคู่ขนานกับเจ้าของโรงสีริมเจ้าพระยา ส่งผลให้ระบบการค้า การเงิน และอุตสาหกรรมไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ความหลากหลายที่หล่อหลอมย่าน
แม้จะถูกจดจำว่าเป็นย่านชาวจีน แต่ทรงวาดคือโมเสกของผู้คน—ทั้งชาวมุสลิมจากคุชราต ปากีสถาน บังกลาเทศ ชาวซิกข์ และพ่อค้าอินเดียจากพาหุรัด—ที่ต่างนำความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาสร้างสีสันให้การค้า ตั้งแต่เพชรพลอย ผ้าไหม ไปจนถึงเครื่องเทศ
ตำนานนักธุรกิจเกิดที่นี่
หลายตระกูลธุรกิจระดับประเทศมีจุดเริ่มจากถนนทรงวาด—เจียไต๋ ของตระกูลเจียรวนนท์ ที่เติบโตจนเป็นเครือเจริญโภคภัณฑ์, กิจการแป้งมันสำปะหลังของตระกูลกาญจนชูศักดิ์, ไปจนถึงพ่อค้ารุ่นบุกเบิกอย่างยี่กอฮง ผู้รวมตัวพ่อค้าจีนตั้งบริษัทเรือเมล์แข่งกับตะวันตก
จากอดีตสู่ยุค 5G
วันนี้ ถนนทรงวาดยังหายใจอยู่กับธุรกิจการค้ารุ่นเก่า แต่ก็ผสมกลิ่นอายใหม่—โกดังเก่ากลายเป็นสตูดิโออาร์ต ร้านกาแฟดีไซน์เท่ และแหล่งแฮงเอาท์ของคนรักประวัติศาสตร์และสตรีทโฟโต้ ย่านนี้จึงไม่ใช่แค่พิพิธภัณฑ์มีชีวิต แต่เป็น Creative District ที่เชื่อมร้อยอดีตและอนาคตไว้ด้วยกัน
นี่คือทรงวาด—ถนนที่เคยเป็นเส้นเลือดใหญ่ของการค้าไทย และยังคงเป็นย่านที่มีทั้ง ประวัติศาสตร์ ความหลากหลาย เคยมีกลิ่นสมุนไพร เครื่องยาจีน เปลี่ยนสไตล์ ในยุคที่โลกหมุนด้วย 5.5 G เป็นถนนของอาหารฟิวชัน กาแฟ มัจฉะ และเสียงรัวชัตเตอร์