เอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยัน ได้เตรียมพร้อมแนวทางการแก้ไขปัญหา กรณีสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าจากไทย 19 % ไว้ครอบคลุมในทุกมิติ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสินค้าเกษตรของไทยให้มากที่สุด และรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน เพื่อให้การดำเนินงานต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมจัดทำมาตรการช่วยเหลือ ส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพเกษตรกรอย่างรอบด้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พิจารณาและวิเคราะห์ผลกระทบการค้าสินค้าประมงที่คาดว่าจะส่งผลต่อภาคการประมงของไทยอย่างรอบด้าน กำหนด 9 มาตรการรองรับ ประกอบด้วย การเปิดตลาดส่งออกใหม่ เน้นการเปิดโอกาสทางด้านการตลาดในประเทศแถบตะวันออกกลาง เพิ่มความหลากหลายในชนิดสินค้า การปรับโครงสร้างการผลิตทั้งระบบ มุ่งเน้นการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด การจัดทำข้อตกลงกับผู้ประกอบการแปรรูปสัตว์น้ำให้ใช้วัตถุดิบประมงภายในประเทศเป็นอันดับแรก เพื่อลดผลกระทบจากการเลือกใช้วัตถุดิบราคาถูกจากต่างประเทศที่คาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยตั้งคณะกรรมการในการติดตามการดำเนินการเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์และมีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง
นายอรรถกร เชื่อมั่นว่า แม้ไทยจะต้องเผชิญกับอัตราภาษีใหม่ 19% แต่ภาพรวมการแข่งขันทางการค้าของไทยในตลาดสหรัฐฯ ยังสามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะในสินค้าที่ไทยมีศักยภาพและส่วนแบ่งการตลาดสูงอยู่แล้ว ไทยมีความได้เปรียบประเทศคู่แข่งที่ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่า เช่น ข้าว ปลายข้าว มะพร้าวอ่อนสด ส่วนสินค้าที่ประเทศคู่แข่งได้รับอัตราภาษีในระดับใกล้เคียงกับไทย เช่น ยางธรรมชาติ ยางแผ่นรมควัน และเนื้อปลาทูน่า-สคิปแจ็คแช่แข็ง ไทยยังคงสามารถรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันไว้ได้ รวมถึงการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีอัตราภาษีไม่แตกต่างกันมากนัก
อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ ได้เตรียมรับมือรองรับผลกระทบ จากการเปิดตลาดอาจส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตรในประเทศบางรายการ อาทิ เนื้อโค และผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ ซึ่งอาจมีสินค้าจากสหรัฐฯ เข้ามาในปริมาณที่เพิ่มขึ้นด้วย