‘กมธ.ป.ป.ช.’ สาวต่อปม ‘องค์การค้าของ สกสค.’ กีดกันงานพิมพ์แบบเรียน ‘โรงพิมพ์รุ่งศิลป์’ โอดเจอฟ้องเรียก 175 ล้านบ. ทั้งที่ตรวจสอบรักษาประโยชน์ชาติ ปูดหน่วยงานขาดสภาพคล่องจนถูก ‘บังคับคดี’ บุกถึง สนง. ‘รอง ผอ.องค์การค้าฯ’ ตะแบงมีอำนาจยื่นโนติส-ฟ้องศาล ตามที่ ‘เลขาฯ’ มอบอำนาจ พอทวงเอกสาร ดันอ้างเรื่องอยู่ในชั้นศาลให้รายละเอียดไม่ได้ กมธ.ตอกงุบงิบๆอาจผิด พ.ร.บ.อำนาจ กมธ.ฯ
เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2568 ในการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะรองประธาน กมธ.ป.ป.ช. คนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ประธาน กมธ.ป.ป.ช. เป็นประธานในที่ประชุม มีวาระพิจารณาเรื่องร้องเรียนของ บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1997) จำกัด (บจ.รุ่งศิลป์ฯ) ขอให้ตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) ที่มีลักษณะกีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม รวมไปถึงกรณีที่องค์การค้าของ สกสค.มีหนังสือลงวันที่ 3 เม.ย.2568 ขอให้ (บจ.รุ่งศิลป์ฯ) ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่องค์การค้าของ สกสค. เป็นจำนวน 175 ล้านบาท ภายใน 7 วัน มิเช่นนั้นจะดำเนินคดี
โดย กมธ.ได้เชิญผู้แทนจาก บจ.รุ่งศิลป์ฯ ในฐานะผู้ร้องเรียน, ผู้แทนจากองค์การค้าของ สกสค. ในฐานะผู้ถูกร้อง รวมถึงผู้แทนจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนจากกรมบัญชีกลาง เข้าร่วมชี้แจง
ช่วงแรก นายนัทธพลพงศ์ จิวัจฉรานุกูล รองกรรมการผู้จัดการ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ได้แจ้งความคืบหน้าให้ที่ประชุมทราบว่า องค์การค้าของ สกสค.ได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย บจ.รุ่งศิลป์ฯ ตลอดจนกรรมการบริษัททุกราย, ผู้บริหาร และพนักงานบางราย เป็นเงิน 175 ล้านบาทแล้ว อ้างเหตุว่า การที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ตรวจสอบโครงการจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนขององค์การค้าของ สกสค.ในช่วงที่ผ่าน ตั้งแต่การพิจารณ์ร่างขอบเขตงาน (ทีโออาร์) และร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ เป็นการละเมิด และก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์การค้าของ สกสค. ส่งผลทำให้จำหน่ายแบบเรียนได้น้อยลง
“ผมยืนยันว่าการตรวจสอบโดยสุจริต เป็นการใช้สิทธิ์ และปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ แต่กลับถูกองค์การค้าของ สกสค.ฟ้องร้อง ซึ่งคาดว่าจะเป็นการฟ้องปิดปาก เพื่อไม่ให้ บจ.รุ่งศิลป์ฯ นำเสนอข้อเท็จจริงต่อสาธารณชน” นายนัทธพลพงศ์ ระบุ
นายนัทธพลพงศ์ กล่าวต่อว่า ผลปรากฎว่าเรื่องที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ร้องเรียนเพื่อตรวจสอบ ทาง กรมบัญชีกลาง ก็ได้มีคำวินิจฉัยออกมาว่า องค์การค้าของ สกสค.ดำเนินการขัดมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ) มาอย่างต่อเนื่อง โดยวินิจฉัยมาแล้ว 7 เรื่อง นอกจากนี้ กรมบัญชีกลาง ยังได้วินิจฉัยด้วยว่า การกำหนดเกณฑ์การประเมินค่าประสิทธิภาพต่อราคา (Price Performance) ของโครงการจัดจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนปี 2568 ขององค์การค้าของ สกสค. เป็นการสร้างภาระให้แก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมประกวดราคาเกินความจำเป็น
ต่อมา นายปรีติ เจริญศิลป์ สส.นนทบุรี พรรคประชาชน ในฐานะรองประธาน กมธ.ป.ป.ช. ได้สอบถามผู้แทนองค์การค้าของ สกสค.ถึงการออกหนังสือบอกกล่าว (โนติส) เรียกร้องค่าเสียหายจากเอกชน ดำเนินการโดยอำนาจตามกฎหมาย หรือระเบียบใดของหน่วยงาน และที่มาของมูลค่าความเสียหาย 175 ล้านบาท
โดย นายภกร รงค์นพรัตน์ รองผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค.ชี้แจงว่า การออกหนังสือเตือน หรือโนติสนั้นเป็นกระบวนการก่อนที่จะทำการฟ้องร้อง ซึ่งทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯก็ได้มีหนังสือมาสอบถามว่า องค์การค้าของ สกสค.ว่าใช้อำนาจใดเช่นกัน แต่ขณะนี้ได้มีการฟ้องร้องและเรื่องอยู่ในกระบวนการของศาลแล้ว จึงอาจจะไม่สามารถลงรายละเอียดได้ ก็สามารถไปพิสูจน์ในชั้นศาลได้ว่าศาลจะรับหรือไม่รับเป็นคดี ยืนยันว่า มีการใช้อำนาจและมีชั้นตอนการมอบอำนาจจาก เลขาธิการ สกสค.อย่างถูกต้อง แต่ไม่จำเป็นต้องแสดงเอกสารหรือชี้แจงผู้ที่ถูกฟ้อง ซึ่งเรื่องก็อยู่ในชั้นศาลแล้ว และจะมีการสืบพยานในเดือน ส.ค.2568
“หาก บจ.รุ่งศิลป์ฯ มองว่า ไม่มีอำนาจ ก็สามารถไปร้องเรียนหรือไปฟ้องที่ไหนก็ได้ ซึ่งหนังสือเตือน (โนติส) ที่ผมเป็นผู้ลงนามเองนั้นก็อยู่ในสำนวนแล้ว ยืนยันว่า มีอำนาจ และมีหนังสือมอบอำนาจถูกต้อง แต่ฝ่ายกฎหมายเตือนว่า อย่าไปพูดเยอะ เดี๋ยวจะเข้าตัว” นายภกร กล่าวต่อที่ประชุม
นายภกร กล่าวอีกว่า เรื่องอยู่ในชั้นศาล และจะมีการสืบพยานในเดือน ส.ค.2568 โดยสิ่งที่ได้เรียกร้องค่าเสียหายนั้น เพราะทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ เป็นคู่สัญญากับองค์การค้าของ สกสค.เมื่อปี 2567 แล้วไม่สามารถส่งมอบงานได้ตามกำหนด จึงมีการเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ ก็ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ จึงมีการเรียกร้องค่าเสียหาย และขอปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นการฟ้องเพื่อปิดปาก ไม่ให้มีการพิจารณ์หรืออุทธรณ์ทีโออาร์ขององค์การค้าของ สกสค. เพราะสิทธิ์ในพิจารณ์ หรืออุทธรณ์ใดๆ สามารถทำได้ตลอด แต่มีขบวนการนอกเหนือจากนั้นที่ทำให้ องค์การค้าของ สกสค.เสียหาย
ช่วงหนึ่ง กมธ.พยายามสอบถามถึงที่มาของมูลค่าเสียหาย 175 ล้านบาทที่เรียกร้องจากเอกชน นายภกร กล่าวอ้างเพียงว่า เรื่องอยู่ในชั้นศาล ทำให้ นายธีรัจชัย กล่าวย้ำหลายครั้งว่า มูลค่าเสียหาย 175 ล้านบาทเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนการฟ้องเป็นคดี และการชี้แจงในห้องประชุม กมธ.มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ไม่สามารถนำไหฟ้องร้องต่อศาลได้ แต่การไม่ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงตามที่ กมธ.ซักถามนั้นอาจผิดตาม พ.ร.บ.อำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา (พ.ร.บ.อำนาจเรียกของ กมธ.ฯ) กระทั่ง นายวิทยากร เสนาจิต หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและวินัย องค์การค้าของ สกสค. ชี้แจงแทนว่า การออกข่าวต่างๆของ บจ.รุ่งศิลป์ฯ กระทบกับยอดจองซื้อแบบเรียนจากร้านค้า และทำให้ยอดขายลดลง 175 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่เกิดเหตุ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับที่ทาง บจ.รุ่งศิลป์ฯ ฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก องค์การค้าของ สกสค.แต่อย่างใด
ส่วนข้อถามที่การฟ้องคดีกับ บจ.รุ่งศิลป์ฯ นั้นเป็นมติของคณะกรรมการ สกสค.หรือไม่นั้น นายภกร กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา 2546 ได้มีการแยก คุรุสภา ออกจาก สกสค. โดย สกสค.มีเลขาธิการเป็นหัวหน้าสำนักงาน มีสถานะเป็นนิติบุคคล เรื่องที่จะดำเนินการฟ้องร้องคดีเป็นเรื่องของสำนักงาน ไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการ หรือบอร์ด ที่ไม่ใช่นิติบุคคล แต่ก็ได้มีการรายงานต่อคณะกรรมการ สกสค.เพื่อทราบว่าได้มีการฟ้องร้องเอกชน
ช่วงท้าย นายนัทธพลพงศ์ กล่าวด้วยว่า บจ.รุ่งศิลป์ฯยินดีที่จะไปต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม แต่ก็มองว่า การที่หน่วยงานรัฐมาฟ้องร้องผู้ที่ดำเนินการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะองค์กรค้าของ สกสค.เองที่ดูเหมือนจะมีปัญหาในเรื่องของผลประกอบการ สังเกตจากตั้งแต่ปี 2566 ที่ บจ.รุ่งศิลป์ฯ เข้าไปเป็นคู่สัญญา เมื่อทำงานเสร็จ พอถึงเวลาชำระค่าจ้าง ก็มีหนังสือมาว่า ขาดสภาพคล่อง ขณะที่ปี 2567 ก็ไม่ได้ชำระค่าจ้างเช่นกัน
“ตามที่ได้ข่าวมาล่าสุด เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี ได้เข้าไปที่สำนักงานองค์การค้าของ สกสค. ตามที่ศาลพิพากษาเป็นที่สุดให้ องค์การค้าฯ ชดใช้ค่าเสียหายให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างไป ต่างๆเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น จึงอยากให้ กมธ.ป.ป.ช.ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปดูแล องค์การค้าของ สกสค. เป็นพิเศษ.” นายนัทธพลพงศ์ กล่าว