ปลัด มท. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำมูล วัดสุปัฏนาราม วรวิหาร และโครงการพัฒนาพื้นที่เฉพาะบุ่งกาแซว-ท่ากกแห่ อ.เมืองอุบลราชธานี เน้นย้ำ ต่อยอดการพัฒนาพื้นที่ด้วยกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทย ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างความร่วมมือภาคีเครือข่ายที่ยั่งยืน
วันนี้ (17 ก.พ. 66) เวลา 13:00 น. ที่วัดสุปัฏนาราม วรวิหาร อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และคณะผู้บริหารกรมโยธาธิการและผังเมือง ตรวจเยี่ยมโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำมูล วัดสุปัฏนาราม วรวิหาร(ต่อเนื่องเขื่อนเดิม) ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี และโครงการพัฒนาพื้นที่เฉพาะบุ่งกาแซว-ท่ากกแห่ ตำบลแจระแม อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายสมเพชร สร้อยสระคู รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายอนุ จึ่งสกุล โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดอุบลราชธานี นายนคร ศิริปริญญานันท์ ปลัดจังหวัดอุบลราชธานี นายสุริยา บุตรจินดา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดอุบลราชธานี นายสำเนียง สิมมาวัน ท้องถิ่นจังหวัดอุบลราชธานี นายพิสดาร ประดา พัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี นายอภิชัย จำปานิล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลราชธานีนางสาวพิศทยา ไชยสงคราม นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและนำตรวจเยี่ยม
โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นำคณะ เข้ากราบนมัสการท่านเจ้าคุณพระวิบูลธรรมาภรณ์เจ้าอาวาสวัดสุปัฏนาราม วรวิหาร ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอเขื่องใน (ธ) ท่านเจ้าคุณพระพิพัฒน์วชิโรภาส เจ้าอาวาสวัดวังอ้อ เจ้าคณะตำบลหัวดอน ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย และท่านเจ้าคุณพระปัญญาวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย และนำคณะ ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาเก็บขยะภายในบริเวณวัดสุปัฏนาราม วรวิหาร แวะเยี่ยมชมบริเวณเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำมูล วัดสุปัฏนาราม วรวิหาร (ต่อเนื่องเขื่อนเดิม) ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี และเขื่อนตามโครงการพัฒนาพื้นที่เฉพาะบุ่งกาแซว-ท่ากกแห่ตำบลแจระแม อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในวันนี้เป็นโอกาสดีที่ได้มาติดตามความก้าวหน้าของการพัฒนาพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่ที่มีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจากการรับฟังบรรยายสรุปและลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำมูล วัดสุปัฏนาราม วรวิหาร (ต่อเนื่องเขื่อนเดิม) ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี และโครงการพัฒนาพื้นที่เฉพาะนุ่งกาแซว-ท่ากกแห่ ตำบลแจระแม อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี พบว่า ผลงานเรียบร้อยสมบูรณ์และสำเร็จตามงวดงานตามสัญญาจ้างที่กำหนด จึงแสดงให้เห็นว่ากรมโยธาธิการและผังเมืองโดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดอุบลราชธานี บริษัทคู่สัญญา ผู้ควบคุมงาน คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ช่วยกันรับผิดชอบจนทำให้งานสำเร็จลุล่วง มีสถานที่ที่สวยงาม เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน
"ขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีและท่านนายอำเภอเมืองอุบลราชธานี ได้ร่วมกับนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งมีต้นทุนเดิม คือ "ถนนคนเดิน" ซึ่งดีอยู่แล้ว ด้วยการ 1) น้อมนำแนวพระดำริ"ผ้าไทยใส่ให้สนุก" ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มารณรงค์ส่งเสริมเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนได้สวมใส่ผ้าไทยผ้าอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาเดินเล่น เดินเที่ยว และมีการประกวดประขัน อาทิ รางวัลครอบครัวผ้าไทยใส่ให้สนุก รางวัลผ้าไทยกิ๊บเก๋ โดยผู้นำชุมชน และสมาชิกในชุมชนร่วมกันเป็นกรรมการ เป็นแมวมองตัดสิน ซึ่งอุบลราชธานีมีจุดแข็งด้านผ้าไทย เพราะมีศิลปินแห่งชาติด้านผ้าไทยถึง 2 ท่าน คือ นางคำปุน ศรีใสศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประณีตศิลป์-ทอผ้า) พุทธศักราช 2561 และนายมีชัย แต้สุจริยา ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ทอผ้า) พุทธศักราช 2564 และศิลปินช่างทอผ้าผู้ทรงคุณวุฒิอีกมากมาย 2) น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา หรือที่เรียกว่า "อารยเกษตร" ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการร่วมกับศูนย์ศึกษาพัฒนาชุมชนอุบลราชธานี เชื้อเชิญเจ้าของแปลงโคก หนองนา หมุนเวียนมาออกร้าน จัดนิทรรศการ และจัดจำหน่ายผลผลิตจากแปลงโคก หนอง นา ในบริเวณถนนคนเดิน เพื่อให้พี่น้องประชาชนผู้สนใจได้เข้ามาซื้อหาผลิตภัณฑ์ เลือกซื้อพืช ผัก ผลผลิต รวมทั้งศึกษาแลกเปลี่ยนขอคำแนะนำและส่งเสริมให้ประชาชนปลูกผักสวนครัวสร้างความมั่นคงด้านอาหารตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อที่จะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนและยกระดับถนนคนเดินให้เป็นถนนสายวัฒนธรรม เป็นถนนเด็กเดินที่เปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนได้ใช้แสดงความสามารถได้อีกด้วย" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำ
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ขอให้ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ส่งเสริมให้ประชาชนได้ทำกิจกรรมเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี และประเพณีอันดีงามในบริเวณพื้นที่ที่ได้ปรับปรุงอย่างสวยงาม เช่น กิจกรรมสวมผ้าไทยมาใส่บาตร เพราะพื้นที่นี้มีจุดแข็งคือมีวัดสุปัฏนาราม วรวิหาร และอยู่บริเวณริมแม่น้ำมูลที่มีทางขึ้น-ลงสะดวก หรือกิจกรรมการปล่อยพันธุ์ปลา เพื่อให้ประชาชนได้ทำบุญตามคติความเชื่อ และเป็นการแพร่พันธุ์ปลาน้ำจืดให้เพิ่มขึ้นในแหล่งน้ำธรรมชาติ ยังผลให้มีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยววิถีไทย วิถีธรรม ที่เป็นการกระตุ้นเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ เสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่
"ขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด และท่านนายอำเภอเมืองอุบลราชธานี ได้เป็นแม่งานปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณวัดสุปัฏนาราม วรวิหาร ให้มีสวนหย่อมสมุนไพรและมีแปลงผักสวนครัว เพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นรมณียสถาน เป็นแหล่งอาหาร รวมทั้งประยุกต์นำหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการจัดทำกำแพงต้นไม้ เพราะการพัฒนาจะหยุดแค่โครงสร้างพื้นฐานไม่ได้ ต้องร่วมมือกับท่านผู้นำท้องถิ่นพัฒนา เพิ่มสีสันให้กับโครงสร้างพื้นฐานที่ทำดีอยู่แล้ว รวมทั้งส่งเสริมให้มีกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาเพื่อทำให้พื้นที่ภายในบริเวณวัดสุปัฏนาราม วรวิหารแห่งนี้ ได้เป็นสถานที่แห่งการหลอมรวมการทำความดีให้กับสังคมด้วยพลังของจิตอาสา" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย
นายอนุ จึ่งสกุล โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง โดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดอุบลราชธานี ได้ดำเนินโครงการพัฒนาในพื้นที่ 2 โครงการ คือ 1) โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำมูล วัดสุปัฏนารามวรวิหาร (ต่อเนื่องเขื่อนเดิม) ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี มีความยาว 299 เมตร ประกอบด้วย งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งรูปแบบเสาเข็มโต๊ะ ยึดรั้งด้วยคานรัดหัวเสาเข็ม พร้อมพื้นทางเท้า ค.ส.ล. ผิวขัดเรียบ งานก่อสร้างบันได ค.ส.ล. ขึ้น-ลง หน้าเขื่อน จำนวน 1 แห่ง และถนนคสล. หลังเขื่อน กว้าง 14 เมตร หน้าเขื่อนทำการถมทราย ปูแผ่นใยสังเคราะห์ เรียงหินใหญ่ปิดทับ และส่วนล่างก่อสร้างโดยการทิ้งหินใหญ่ งบประมาณปี 2563 - 2565 วงเงินค่าก่อสร้างรวม 77.45 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง700 วัน ก่อสร้างแล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2565 ตามสัญญาจ้าง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ประโยชน์เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นถนนคนเดิน และ 2) โครงการพัฒนาพื้นที่เฉพาะบุ่งกาแซว-ท่ากกแห่ตำบลแจระแม อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี งบประมาณ 145 ล้านบาท ความยาวเขื่อนป้องกันตลิ่ง1,740.00 เมตร สืบเนื่องจากพื้นที่บริเวณนุ่งกาแซว-ท่ากกแห่ ตำบลแจระแม อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี มีแนวถนนโครงข่ายผังเมืองเพื่อใช้เป็นเส้นทางเชื่อมต่อถนนสายหลักระหว่างเขตเทศบาลไปถนนเลี่ยงเมือง ทำให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและการลงทุนพัฒนาพื้นที่ ที่สามารถครอบคลุมพื้นที่ชุมชนและเขตเศรษฐกิจในเทศบาลเมืองแจระแม และชุมชนใกล้เคียง โดยมีองค์ประกอบ ก่อสร้างถนนตามโครงข่ายผังเมือง ระบบสาธารณูปโภค - สาธารณูปการประกอบงานถนน ซึ่งได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ ระยะเวลา 750 วัน ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ตามสัญญาจ้าง โดยประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการ คือ การคมนาคมในชุมชนมีความสะดวกสบายมากขึ้น และช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพระบบสาธารณูปโภค - สาธารณูปการ