“สมศักดิ์” ปลุกพลังหน่วยงานราชการจัดระบบเฝ้าระวังนักโทษคดีเพศ เร่งสร้างความปลอดภัยให้สังคม เผยเหตุการณ์ฉุดเด็ก 14 เป็นนักโทษอันตราย ติดคุกคดีเพศเกือบ 20 ปี แต่ปล่อยตัวก่อนมีกฎหมาย JSOC เลยหลุดการติดตามเฝ้าระวัง
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณี นายสมบัติ แผนนุช ผู้ก่อเหตุฉุดเด็กหญิงวัย 14 ปี หวังล่วงละเมิดทางเพศแล้วเตรียมขุดหลุมฝัง ที่จังหวัดพิจิตร ว่า ต้องขอแสดงความเสียใจต่อเหตุที่เกิดขึ้นกับเด็กหญิงและครอบครัว ตนขอชื่นชมชาวบ้านที่ช่วยกันตามล่าล้อมจับคนร้าย จนสามารถช่วยเด็กหญิงวัย 14 ให้รอดปลอดภัยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนนายสมบัติถือเป็นคนร้ายที่น่ากลัว เพราะก่อนหน้าที่จะออกจากเรือนจำก็ทำความผิดต่อชีวิตข่มขืนกระทำชำเรา ทั้งยังมีคดีความผิดเกี่ยวกับเพศโดยการพรากผู้เยาว์ ทั้ง 2 คดีนี้ความผิดรวมกันต้องจำคุก เกือบ 20 ปี ถือเป็นบุคคลอันตรายต่อสังคม
เวลานี้ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง หรือ JSOC แต่คนร้ายกลับมาก่อคดีอุกอาจลักษณะนี้อีก เนื่องจาก นายสมบัติ ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำเมื่อ 21 ตุลาคม 2564 ซึ่งในเวลานั้นยังไม่มีกฎหมาย JSOC ขั้นตอนยังอยู่ระหว่างการจัดทำ และมีผลใช้บังคับในวันที่ 23 มกราคม 2566 จึงยังไม่มีลิสต์ในการติดกำไล EM เพื่อเฝ้าระวัง
ปัจจุบันประเทศของเรามีกฎหมาย มีเครื่องมือในการติดตามเฝ้าระวังผู้กระทำผิด ทั้งนี้ หากหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานศาลยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารสุข กระทรวงมหาดไทย ในฐานะคณะกรรมการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ รวมพลังในการทำงานจะเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะจะเป็นความหวังของประชาชนในการเฝ้าระวังคนกลุ่มนี้ไม่ให้ออกมาสร้างปัญหาอีก เพื่อความปลอดภัยในสังคมโดยเฉพาะกลุ่มสตรี
ทั้งนี้ การเสนอติดกำไล EM ต้องผ่านคณะกรรมการ เสนอศาลเพื่อใช้ดุลยพินิจว่าต้องเฝ้าระวังผู้กระทำผิดในระยะเวลาเท่าไหร่ แต่ระยะเวลาการเฝ้าระวังสูงสุดสามารถทำได้ไม่เกิน 10 ปี เวลานี้ประเทศไทยมีความพร้อม ขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกัน ตอนนี้อาจจะยังเป็นเรื่องใหม่ แต่หากเราทำได้จะเป็นระบบความปลอดภัยที่เกิดขึ้นในสังคม และที่สำคัญคือเราต้องยกระดับความปลอดภัยให้กับกลุ่มสตรีได้